“จากนี้ไป ต่อให้เผ่ามังกรล่มสลายหรือรุ่งโรจน์จะไม่เกี่ยวกับข้าอีกต่อไป!”
“ดี ดี ดีเหลือเกิน!”
“เจ้าเนรคุณ เจ้าคงปีกกล้าขาแข็งขึ้นแล้วสินะ! ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าจะไปได้สักกี่น้ำ หากไร้ไม่อยู่ในเผ่ามังกรแล้ว!”
“ไพ่ดีๆ ในมือถูกเจ้าทำลายจนเละเทะไปหมดแล้ว!”
“เพียงแต่สงสารเจ้าแห่งมังกรน้อย ที่ต้องเกิดมาเป็นสายเลือดของเจ้า!” ราชามังกรเฒ่าโกรธเคืองมากจนเลือดในตัวแทบไหลย้อนกลับ
นับตั้งแต่รู้ว่าเจ้าแห่งมังกรได้ถือกำเนิดขึ้น เขาก็ตั้งตารออยู่ทุกวี่วันที่จะได้พบกับเจ้าแห่งมังกรน้อย
น่าเสียดายที่สตรีมนุษย์นางนั้นไม่เอาไหน จู๋มั่วเองก็ไร้ประโยชน์ไม่แพ้กัน!
ไม่กล้าแม้แต่จะผ่าท้องเลยด้วยซ้ำ!
ราชามังกรมองโลงศพไม้หนานมู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ก่อนบินจากไปไกล
จู๋มั่วพลันคุกเข่าท่ามกลางพายุฝนอย่างว่างเปล่า จับร่างไร้วิญญาณของอาอู๋ขึ้นมาเขย่ามันเบา ๆ “อาอู๋...” พร้อมเรียกชื่อของนางด้วยเสียงแผ่วเบา
ลู่เจาเจายืนอยู่บนเก้าอี้ พลางเบะปากมองท่าทางบ้าคลั่งของเขา ก่อนจะปิดหน้าต่างทันที
จู๋มั่วไม่ยอมนอนทั้งคืน เอาแต่คุกเข่าอยู่หน้าโลงศพนั้นอย่างเงียบๆ
“วันนี้ต้องส่งอาอู๋ขึ้นเขา รีบตื่นเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจะยุ่งมาก” สาวรับใช้ปลุกลู่เจาเจาให้ตื่นด้วยดวงตาแดงก่ำ
หลังจากทุกคนกินโจ๊กมังสวิรัติเสร็จ ก็เดินไปยังห้องโถงที่ตั้งศพเมื่อใกล้ถึงเวลาขึ้นเขา
แต่เมื่อเห็นร่างที่คุกเข่าอยู่ด้านนอกโถงห้องโถงที่ตั้งศพ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที
แม่นมพลันยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ และดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “นะ นี่...มันกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร” ผมสีดำขลับของจู๋มั่วกลับกลายเป็นขาวโพลนในชั่วข้ามคืนเดียว
ผมสีขาวราวหิมะพาดปกคลุมอยู่บนไหล่
ทุกคนต่างรู้สึกหดหู่ ขณะที่ลู่เจาเจาได้แต่เหลือบมองพร้อมกับถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“ในเมื่อรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้...ตอนแรกทำแบบนั้นไปทำไม” นางเดินไปที่ห้องโถงตั้งศพโดยไม่รู้สึกเห็นใจเขาเลยสักนิด
“ถึงเวลาแล้ว ปิดผนึกโลงศพ!”
ขณะยกฝาโลงค่อยๆ ผิดทีละน้อย จู๋มั่วกลับเข้าไปขวางด้วยน้ำตาไหลริน แต่ถูกลู่เจาเจากับจุยเฟิงสกัดเอาไว้ก่อน
“อย่าบีบให้ข้าต้องทำร้ายเจ้าต่อหน้าอาอู๋!”
ลู่เจาเจาเอ่ยเสียงเข้ม
“ให้ข้าส่งนางในวาระสุดท้ายเถิด ได้โปรด ให้ข้าได้ส่งนางในวาระสุดท้าย! ข้าสัญญาว่าจะไม่รบกวนเลย ข้าจะเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ...ได้โปรด เจาเจา...” จู๋มั่วขอร้องวิงวอน
ลู่เจาเจาลังเลไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมพยักหน้า
“ส่งวิญญาณ!” สิ้นคำ ทุกคนก็ค่อยๆ เดินออกมาจากประตูพร้อมกับแบกโลงศพ
เซี่ยอวี้โจวที่อยู่ข้างหน้าโปรยกระดาษเงินขึ้นไปบนท้องฟ้าขณะเดิน
โดยมีจู๋มั่วเดิมตามอยู่ท้ายแถวอย่างเงียบนิ่ง
ฝนที่ตกหนักได้หยุดแล้ว เหลือเพียงฝนปรอยๆ
ถนนบนภูเขาเต็มไปด้วยโคลน คนที่แบกโลงศพกลับลื่นไถลล้มลง ทำให้โลงศพหล่นกับพื้น
เขายิ้มอย่างเย้ยหยัน “ใช่ เจ้าพูดถูก”
“นางไม่อยากเห็นข้าอีกแล้ว” เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวพลางมองหลุมศพเล็กๆ ด้วยสายตาอันเจ็บปวด
เขาไม่กล้ามองหรือคิดอีกต่อไป
อาอู๋กับลูกน้อยของเขานอนอยู่ในนั้น
จู๋มั่วเดินลงจากภูเขาด้วยความสิ้นหวัง โดยไม่สังเกตเห็นสีภาคภูมิของเซี่ยอวี้โจวที่อยู่ข้างหลังด้วยซ้ำ ลู่เจาเจาเลิกคิ้วให้อีกฝ่ายอย่างเงียบๆ และพยักหน้าอย่างชื่นชม
เจ้าเด็กคนนี้มีชั้นเชิงไปเบาสินะ
เซี่ยอวี้โจว : ไม่เสียแรงที่อ่านบทละครมา ในหนังสือเขียนไว้แบบนี้...
เมื่อทุกคนกลับมาถึงสถานีพักแรม ฟ้าก็มืดแล้ว
ทุกคนต่างอาบน้ำทำความสะอาดกันอย่างง่ายๆ และกินข้าวสองสามคำเท่านั้น
“เหตุใดคืนนี้องค์หญิงจึงเข้าบรรทมไวเหลือเกิน” สาวรับใช้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นนางกลับห้องอย่างรวดเร็ว
“ช่างเถิด ให้องค์หญิงได้อยู่เงียบๆ คนเดียวแล้วกัน เกิดเรื่องกับแม่นางอาอู๋เช่นนั้น นางคงตกใจมาก ไม่ใช่เพียงหนึ่งแต่สองศพ... เฮ้อ...” แม่นางอาอู๋เป็นคนดีมากจริงๆ
แม่นมถอนหายใจยาว แม้แต่ซ่านซ่านยังอยากไปนอนกับพี่สาวเช่นกัน
“นั่นสินะ” ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่
ซ่านซ่านยืนถือหมอนอยู่หน้าห้องของพี่สาว ใบหน้าเล็กๆ ของเต็มไปด้วยความโศกเศร้า “พวกเรา... ยังเป็นพี่น้องกันอยู่หรือเปล่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์
ทำไมตัดเหรียญไปแล้วแต่ตอนไม่ปลดล็อคคะ ขึ้น error แต่หักเหรียญติดแจ้งปัญหาก็ไม่ได้...
ทำไมช่วงนี้ error บ่อยจังเลยคะ...
เติมเหรียญแล้วทำไมถึงปลดล็อคไม่ได้คะ...
ทำไมปลดล็อคไม่ได้คะ...
บท 613 ไม่ลงแล้วหรือค่ะ...
ไม่ลงต่อแล้วเหรอคะ...
อ่านบทที่ 613 กันที่ไหนคะ...
รอค่ะ แต่ช้าจัง สนุก รอค่ะ...
รอตอนต่อไปค่าา...
สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...