[แย่งวันรับขวัญเดือนจากนางเอกมาได้ ดีใจ ดีใจ] เสี่ยวเจาเจาโบกกำปั้นน้อยๆ พลางส่งเสียงร้องอ้อแอ้
สวี่ซื่อเหลือบมองนางด้วยรอยยิ้ม นังหนูนี่อาจจะเล็กเกินไป เสียงในใจของนางจึงได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้าง
สวี่ซื่อเองก็ไม่ได้คาดหวังมากนัก อนาคตยังอีกยาวไกล แค่สามารถรับรู้อนาคตได้บ้าง ก็เป็นประโยชน์มากเหลือล้นแล้ว
ทว่า คมดาบที่จ่อคออยู่ตลอดเวลา ทำให้นางรู้สึกไม่ปลอดภัย
“วันนี้คนเยอะมาก คอยดูเจาเจาให้ดีล่ะ” สวี่ซื่อกำชับ
นับตั้งแต่วันที่เจาเจาเกิดก็มีคนทำร้ายนางแล้ว สวี่ซื่อจึงให้อิ้งเสวี่ยและเจวี๋ยซย่าคอยอยู่ข้างๆ ตลอดเวลาไม่ให้ห่างแม้แต่ก้าวเดียว
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”
“ฮูหยิน นายหญิงใหญ่ส่งคนมาเชิญฮูหยินออกไปที่ลานหน้าจวนเจ้าค่ะ แขกเหรื่อเริ่มทยอยมากันแล้ว” เติงจือรายงานที่หน้าประตู
ว่าไปแล้ว แม้จวนจงหย่งโหวจะเป็นบรรดาศักดิ์ที่สืบทอดต่อมา แต่นั่นก็เพราะคุณูปการจากท่านโหวรุ่นก่อนที่ติดตามฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์
ตระกูลลู่เดิมเป็นแค่ครอบครัวชาวนา แม้จะย้ายเข้าเมืองหลวงและได้รับแต่งตั้งเป็นขุนนาง แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับของบรรดาชนชั้นสูงในเมืองหลวง
ตระกูลลู่แต่งสวี่ซื่อเข้าตระกูล นางเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมีความสามารถรอบด้าน มีนางคอยสั่งสอนดูแลลูกหลานตระกูลลู่ ทำให้จวนจงหย่งโหวค่อยๆ เป็นที่รู้จักในสังคม
ในตอนนั้น เพื่อแต่งงานกับสวี่ซื่อแล้ว ลู่หย่วนเจ๋อต้องคุกเข่าอยู่หน้าประตูบ้านตระกูลสวี่ถึงสามวันสามคืน กว่าจะได้ภริยาที่เพียบพร้อมคนนี้สมใจ
“นายหญิงใหญ่นี่ก็จริงๆ เลย คุณหนูเจาเจาครบเดือนแล้ว ยังไม่เคยแวะมาหาเลยสักครั้ง” เจวี๋ยซย่าเบ้ปากรำพึงรำพันด้วยความไม่พอใจ
“เอาล่ะ คำพูดพวกนี้ ออกจากสวนทิงเฟิงไปแล้ว ก็อย่าพูดอีก” สวี่ซื่อเหลือบมองอย่างเข้มงวด
เจวี๋ยซย่าก้มศีรษะรับคำทันที
สวี่ซื่อเดินตรงออกไปยังลานด้านหน้า บัดนี้ มีแขกเหรื่อมาถึงเป็นจำนวนมากแล้ว และหนึ่งในนั้นก็คือองค์หญิงใหญ่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์