เข้าสู่ระบบผ่าน

หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1310

“ข้าตั้งใจย้ายเจ้ามาจากสระบัวบนสวรรค์ มาปลูกไว้ที่ภูเขาสัจธรรม ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีพลังวิญญาณเข้มข้นที่สุด”

“ตอนนั้นเจ้ายังไม่มีวิญญาณ…” ลู่เจาเจาถอนหายใจ

“ข้าได้ใช้บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์รดน้ำเจ้าอยู่เสมอ และใช้เวลาถึงพันปีในการช่วยให้เจ้ามีร่างกายมนุษย์ เจ้ากลับ…” ลู่เจาเจาส่ายศรีษะเบาๆ…

ไป๋เหอฮัวกัดริมฝีปากเบาๆ ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ “พระคุณของเทพกระบี่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ข้าจะตอบแทนได้ เหอฮัวจะไม่มีวันลืมพระคุณของท่านเลย” นางกลัวที่จะเห็นสายตาผิดหวังของเทพกระบี่ เพราะตลอดชีวิตนางรู้สึกผิดต่อเทพกระบี่ที่สุด

“เหอฮัวขออภัยต่อเทพกระบี่”

“เทพกระบี่เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ มีจิตใจที่มุ่งมั่นเพื่อโลกทั้งสาม ไม่เคยเห็นแก่ตัว และไม่เคยมีความรักใคร่ส่วนตัวเลย”

“ก่อนที่เหอฮัวจะมีร่างกายมนุษย์ ก็เคยตั้งปณิธานว่าจะกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ดั่งเช่นเทพกระบี่”

“แต่เหอฮัว…กลับไปหลงใหลในความรักจนถอนตัวไม่ขึ้น ข้าขออภัยที่ทำให้เทพกระบี่ผิดหวัง ละอายใจที่ทำให้เทพกระบี่ผิดหวัง”

เหอฮัวน้ำตาไหลอาบแก้ม กลิ่นหอมของดอกบัวในอากาศก็ยิ่งชัดเจนขึ้น

“เมื่อก่อนตอนที่ท่านนำเหอฮัวมาปลูกที่ภูเขาสัจธรรม เหอฮัวก็เคยพยายามฝึกฝนอย่างหนัก โดยเอาเทพกระบี่เป็นแบบอย่าง” เเต่…นางได้พบกับเสวียนอวี้

“ในตอนนั้นเหอฮัวเพิ่งมีสติปัญญา และยังกล้าที่จะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้เฉพาะตอนกลางคืน โดยอาศัยเเสงจันทร์ “ นางมักจะนั่งอยู่บนใบบัว เหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยที่ไร้กังวล

ต่อมา มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาที่ภูเขา

ชายหนุ่มคนนั้นมีนิสัยขรึม ไม่ค่อยยิ้ม ไม่ค่อยพูด และเป็นคนเก็บตัว

แต่เขาก็ขยันฝึกฝนมาก ทุกวันตั้งเเต่เช้าจรดค่ำ เขาจะฝึกกระบี่อยู่ข้างสระบัว

เมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า เขาจะกอดดาบนั่งขัดสมาธิริมสระบัว มองดอกบัวเพียงดอกเดียวในสระอย่างเหม่อลอย

เหอฮัวรู้สึกกลัวมาก จึงมักจะซ่อนตัวอยู่ลึกๆแล้วแอบมองเขา

นานวันเข้า สายตาของเธอมักจะเฝ้ามองหาเงาของเขาโดยไม่รู้ตัว

ในวันที่เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นศิษย์ของเทพกระบี่ เขาดูคล้ายกับมีความสุขมาก

เมื่อมาถึงริมสระบัว ก็ได้พึมพำกับตัวเองเป็นเวลานาน พูดกับตัวเองเป็นเวลานาน

นั่นเป็นครั้งเเรกที่นางเห็นเสวียนอวี้มีความสุขขนาดนี้ ดอกบัวก็โยกเยกไปมาราวกับร่วมเฉลิมฉลอง

“ดอกบัว เจ้าก็ยินดีกับข้าใช่ไหม” เสวียนอวี้ยื่นมือไปแตะกลีบดอกบัวเบาๆพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยน

นางเเทบจะจมดิ่งอยู่ในรอยยิ้มนั่น

นางไม่รู้ว่าตั้งเเต่เมื่อไรที่ สายตาของนางไม่อาจละจากเสวียนอวี้ได้อีก

นางมักจะสามารถมองหาเขาเจอได้อย่างแม่นยำจากบรรดาศิษย์คนอื่นๆ

ในยามค่ำคืน นางมักจะนั่งอยู่บนใบบัว แอบมองชายหนุ่มที่กำลังฝึกกระบี่

และมักจะได้ยินเขากระซิบเบาๆว่า ‘เจาเจา’

ไป๋เหอฮัวไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

รู้สึกอึดอัดใจ และอยากจะร้องไห้

เเต่เสวียนอวี้ก็ยังคงเดินต่อไปโดยไม่หยุด

ต่อมา เสวียนอวี้ก็ไม่มาที่สระบัวอีก นางจึงแอบออกไปตามหาเขา…

บางครั้ง นางก็แอบเปลี่ยนเป็นมนุษย์ตามเขาลงไป สุดท้ายก็ตามเสวียนอวี้พบเข้า และบางครั้งเมื่อเขามีเวลาว่าง เขาก็จะพานางกลับไป

บางครั้งเมื่อเขาไม่มีเวลา และกลัวว่าถ้านางตายไป ลู่เจาเจาจะเสียใจ เขาจะพานางไปด้วย จนกระทั่งกลับมาที่ภูเขาสัจธรรม

จนกระทั่งวันหนึ่ง จิตใจที่มืดมนของเขาถูกเปิดเผยออกมา

กำลังจะถูกไล่ออกจากภูเขาสัจธรรม

คืนนั้น เขาอยู่ข้างสระบัวด้วยดวงตาแดงก่ำ กอดไหเหล้าดื่มเป็นเวลานาน”

นางไม่ได้ปลอบโยนอะไร เพียงเเค่คอยอยู่เป็นเพื่อนเขาในคืนนั้น

บางครั้งนางมองเขาอย่างเหม่อลอย พยายามซ่อนความขมขื่นในใจ

ในคืนนั้น นางได้เห็นจิตใจที่มืดมน

นั่นคือเสวียนอวี้ แต่ก็เป็นจิตใจที่มืดมนด้วย

เขาพูดว่า “ตลอดชีวิตนี้ ข้าไม่สามารถให้สิ่งใดแก่เจ้าได้เลย ถ้ามีชาติหน้า ข้าจะเเต่งงานกับเจ้า” เขาพูดจบก็ยิ้ม ยกเหล้าขึ้นดื่ม

เขาเดินตามรอยของลู่เจาเจา ไป๋เหอฮัว ก็ใช้ชีวิตทั้งชีวิตเพื่อตามหาเขา

“อาจารย์เจาเจา ในใจของเหอฮัวรู้สึกเจ็บปวดมาก…เขาไม่เคยหันกลับมามองเหอฮัวเลยสักครั้ง เหอฮัวคงไม่สามารถฝึกฝนต่อไปได้อีกตลอดชีวิต” จิตใจของนางสับสน ไม่ใสบริสุทธิ์เหมือนเดิมอีกเเล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์