เข้าสู่ระบบผ่าน

หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1321

“ฝ่าบาท! โปรดช่วยด้วยเถอะ!” หญิงนางหนึ่งวิ่งออกมาด้วยท่าทางตื่นตระหนก ก่อนจะคุกเข่าลงเพื่ออ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาท

หลินเฉิงเซียงราวกับคนเสียสติ เขารีบสาดน้ำชาออกไป

ทว่าทันทีที่น้ำชาถูกร่างกายนาง ไฟกลับลุกโหมกระหน่ำอย่างรวดเร็ว

ถ้วยชาในมือของหลินเฉิงเซียงตกลงแตกกระจายบนพื้น เขาตกใจจนใบหน้าซีดเผือด ในขณะที่มองดูลูกสาวที่ถูกเผาจนแทบไม่เหลือสภาพ

“เพียงแค่สัมผัสไฟสวรรค์ ก็จะถูกเผาผลาญจนมอดไหม้ แม้แต่น้ำก็ไม่สามารถดับได้” ลู่เจาเจายืนอยู่ที่มุมหนึ่ง นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ลูกข้า!” แม่ของหลินจิ่งจือถูกคนดึงตัวเอาไว้ นางทำได้เพียงมองดูหลินจิ่งจือที่กรีดร้องจนเสียงค่อย ๆ เบาลงก่อนจะสิ้นลมหายใจไป

ร่างกายที่ถูกแผดเผาของหลินจิ่งจือที่เกลือกกลิ้งไปมา ในบัดนี้ได้กลายเป็นซากนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นไหม้ที่น่าสยดสยอง

รวมไปถึงกลิ่นอ่อน ๆ ของดอกบัว

ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่แม่บุญธรรมของไป๋เหอฮวาเดินมาอยู่ข้าง ๆ ลูกสาว นางจับมือของไป๋เหอฮวาอย่างสั่นเทา ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า แต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ

นางเพียงจับมือลูกสาวเอาไว้แน่น

นางไม่สนใจปีศาจอะไรทั้งนั้น นางรู้แค่ว่าเหอฮวาคือลูกสาวของตน แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

เมื่อนานมาแล้ว เด็กสาวตัวเล็ก ๆ เดินเข้ามาในชีวิตของนาง คำแรกที่พูดได้คือคำว่า “แม่” และคนแรกที่เด็กสาววิ่งเข้าหาก็คือตัวนางเอง

แม้จะยังไม่สูงเท่ากับเตาไฟ แต่ก็รู้จักปีนขึ้นไปบนเก้าอี้เพื่อทำอาหารให้พ่อแม่

ในฤดูหนาว หิมะตกหนัก เด็กสาวใช้มือเล็ก ๆ เพื่อซักผ้าให้คนในครอบครัว มือเล็ก ๆ นั่นแดงก่ำเพราะความหนาว

เหอฮวาของนางเป็นเด็กดี นางรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องลูกสาวได้

นางโกรธที่ตัวเองไร้ความสามารถ ไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้แก่เหอฮวาได้

หลินเฉิงเซียงมองดูลูกสาวที่ไหม้เกรียมจนกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างตกตะลึง เขาก้มหน้าลง ไหล่สั่นสะท้าน และพยายามกลั้นเสียงร้องไห้เอาไว้ น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย

“ฝ่าบาท จิ่งจือได้ใส่ร้ายฮองเฮา ขณะนี้ถูกไฟสวรรค์แผดเผา ถือเป็นความผิดของจิ่งจือเอง”

“ขอให้ฝ่าบาททรงอนุญาตให้ข้าเก็บอัฐิของจิ่งจือด้วย”

เซียนซีเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “อนุญาต”

ภรรยาของหลินเฉิงเซียงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หมดเรี่ยวแรงล้มลงนั่งบนพื้นไปนานแล้ว ใบหน้าของนางขาวซีดไร้เลือดฝาด ลูกสาวของนาง…

“เหล่าขุนนางทั้งหลายเห็นแล้วใช่ไหม ฮองเฮาไม่ได้ผิดปกติ!” เซียนซีเฉียนกวาดสายตามองไปทั่วทั้งงานด้วยท่าทีแข็งกร้าว

เหล่าขุนนางทั้งหลายคุกเข่าลง “คำนับฮองเฮา”

“ฮองเฮาโปรดให้อภัยด้วย”

ไป๋เหอฮวายืนอยู่ข้างฮ่องเต้ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีที่อ่อนโยนและสง่างาม “เป็นเพราะท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลายเป็นห่วงความปลอดภัยของฮ่องเต้และเป็นกังวลเกี่ยวกับแผ่นดินตงหลิง พวกท่านจะมีความผิดได้อย่างไรกัน”

การกระทำของนางทำให้เหล่าขุนนางชื่นชมและยกย่องนางว่าเป็นฮองเฮาผู้มีความเมตตาและใจกว้าง

ทุกคนทยอยออกจากหอดูดาว ไป๋เหอฮวามองไปยังสระบัวด้วยความตื่นตระหนก

“เหอฮวา เป็นอะไร” แม่บุญธรรมจับมือไป๋เหอฮวาไว้แน่น มือของนางสั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว

เหล่าข้าราชบริพารเดินจากไป

“ท่านแม่ สบายใจเถอะ เหอฮวาไม่เป็นอะไรแล้ว” เมื่อภายในห้องไม่มีผู้อื่นอยู่แล้ว ไป๋เหอฮวาจึงจับมือแม่ของนางเพื่อปลอบใจ

แม่บุญธรรมมองนางด้วยความกังวล ก่อนจะมองไปยังสระบัว

สระบัวที่ถูกไฟเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านสีดำสนิท ดอกบัวที่เคยสดใสกลับเหลือเพียงซาก

“พระนาง ที่กลางสระพบเมล็ดบัวลูกหนึ่ง เมล็ดบัวมีสีทอง และมีอักษรภาษาสันสกฤตอยู่เต็มไปหมด คล้ายกับสัญลักษณ์ในวัด” ข้าราชบริพารคนหนึ่งถือเมล็ดบัวทองเข้ามา

เมล็ดบัวสีทองเปล่งประกายสุกสว่าง มีอักษรสวัสติกะประดับอยู่ ดูเหมือนเคยได้รับการชำระล้างจากพระพุทธศาสนา

ไป๋เหอฮวาน้ำตาคลอ นางรู้สึกได้ว่าตนเองไม่มีความเกี่ยวข้องกับใจกลางดอกบัวอีกต่อไป

“ให้เมล็ดบัวนี้กับข้าเถิด หากมีวาสนา วันหนึ่งอาจเกิดเป็นยอดอ่อนใหม่ได้”

ลู่เจาเจาพูดด้วยรอยยิ้ม

ไป๋เหอฮวาสูดหายใจเข้าลึก ๆ กลั้นน้ำตาเอาไว้ นางยืนขึ้นและก้มตัวลงมาหาลู่เจาเจา

“ข้าขอมอบสิ่งนี้ให้องค์หญิง”

ลู่เจาเจาจับเมล็ดบัวไว้ในมือ นางมีความรู้สึกประหลาดเล็กน้อย

ในดินแดนพระพุทธศาสนามีดอกบัวนับไม่ถ้วน ในทุก ๆ วันดอกบัวเหล่านี้จะได้ฟังพระธรรมคำสอนและถูกปลูกฝังลงไป

บางครั้ง จะมีดอกบัวที่ถูกนกเงือกคาบมา ก่อนที่พวกมันจะทำตกลงบนสวรรค์ ทำให้ฝังรากในบ่อน้ำสวรรค์

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์