เข้าสู่ระบบผ่าน

หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1322

นี่คือที่มาของไป๋เหอฮัว

ในอดีต นางไม่ยอมที่จะประจบประแจงเหล่าเทพในแดนเทพ ลู่เจาเจาจึงชื่นชอบนางมาก และดึงตัวจากสระสวรรค์มายังภูเขาสัจธรรม นางใช้เวลาในการบำเพ็ญเพียรนับพันปี จนได้กลายเป็นไป๋เหอฮัว

ตอนนี้ ลูกบัวทองกลับมาอยู่ในมือของนางอีกครั้ง

โชคชะตาถูกกำหนดไว้แล้ว

ลู่เจาเจาหัวเราะเบา ๆ นางบีบลูกบัวทองในมือ และไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

“ท่านเหมือนแม่ของข้า” ลู่เจาเจาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

ไป๋เหอฮัวตกใจเล็กน้อย “เหอฮัวมีอะไรดีถึงได้เปรียบเหมือนกันแม่ของท่าน ข้ากับฮูหยินนั้นมีอะไรคล้ายกันงั้นหรือ“

ลู่เจาเจาหรี่ตามองนาง

“ยอมสละทุกอย่างเพื่อความรัก กระโดดเข้ากองไฟ โดยไม่สนใจว่าจะเป็นหรือตาย เหมือนกันมากจริง ๆ ” นางไม่ได้เอ่ยออกมาตรงๆ ว่า ทั้งสองนั้นคลั่งรัก

ลู่เจาเจาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทิ้งอนาคตที่ดีไปเพื่อเป็นดอกไม้ของผู้ชาย

ไป๋เหอฮัวเม้มปากยิ้มเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำหยอกล้อจากจอมยุทธ์ดาบวิญญาณ นางรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก

“ท่านจอมยุทธ์ยังเด็กมากนัก ถ้าโตขึ้นจะเข้าใจเอง”

ลู่เจาเจาส่ายหน้า “ผู้ชายไม่สนุกเท่ากับดาบในมือหรอก”

“ถึงยังไง ข้าก็ไม่อยากเป็นฝ่ายที่ต้องพึ่งพาผู้ชาย!”

หัวใจของผู้ชายยากแท้หยั่งถึง ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนใจไปเมื่อไหร่

“หากใจของผู้ชายเชื่อได้จริง แม่หมูก็คงจะสามารถขึ้นต้นไม้ได้เหมือนกัน สุดท้ายแล้วพวกเขาไม่ซื่อสัตย์!”

นี่คือสัจธรรมที่ลู่เจาเจาเข้าใจมาตั้งแต่เด็ก

โอ้ ถูกสอนโดยพ่อแท้ ๆ ของนางด้วยนะ

หลังจากทานอาหารจากงานเลี้ยงเสร็จ นางก็กลับไปที่สถานีพักแรม นี่ก็ดึกมากแล้ว

ไป๋เหอฮัวละทิ้งร่างเดิมและกลายเป็นมนุษย์ สละอายุขัยและพลังที่ฝึกฝนมานับพันปี ก็ไม่รู้ว่าคุ้มกันหรือไม่

ลู่เจาเจาไม่มีความเห็นในเรื่องนี้

นางมักจะคิดถึงเหอฮัวในวัยเยาว์ ตอนนั้นเหอฮัวสง่างามและบริสุทธิ์ หัวใจมุ่งมั่นสู่เส้นทางแห่งการฝึกฝน

หลายค่ำคืนที่นางเฝ้าฝึกฝนท่ามกลางแสงจันทรา

ไม่รู้จักความเหนื่อยล้าและความลำบาก

เห้อ...

ลู่เจาเจาถอนหายใจเบา ๆ ก้อนจะบีบลูกบัวทองในมือ

วันพรุ่งนี้ต้องกลับไปยังเป่ยเจา ขณะนี้ผู้ติดตามกำลังเตรียมสัมภาระในเวลากลางคืน เซี่ยอวี้โจวโผล่หัวออกมาจากด้านหลังนาง

“โอ้ นี่คือบัวทองที่ถูกหลอมพลังมาสินะ” เซี่ยอวี้โจวรับลูกบัวมาจากมือของนาง

“น่าเสียดายจริง ๆ ...“

”ลูกบัวนี้ อย่างน้อยน่าจะฝึกฝนอย่างตั้งใจมานานนับพันปี หากรักษาปณิธานเดิมเอาไว้ ภายในร้อยปีนี้ก็คงจะสามารถขึ้นเป็นเซียนได้ สนุกอยู่บนโลกมนุษย์และอายุยืนเทียบเท่าสวรรค์”

“ตอนนี้น่ะ...เฮ้อ วิญญาณหายไป กลายเป็นของตายไปแล้ว ทิ้งไปเถอะ…” เซี่ยอวี้โจวเบะปาก ก่อนจะส่งเม็ดบัสคืนให้ลู่เจาเจา

ลู่เจาเจายิ้มบางๆ “นั่นก็เข้ากับคำที่ว่า”

“หลงใหลเพียงคู่ ไม่สนวิถีเซียน”

เด็กน้อยรีบสวมเสื้อผ้าอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะมากินข้าวเช้าด้วยหน้าตาบูดบึ้ง หัวใจของนางรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก…

ลู่เยี่ยนซูเห็นว่านางมีสีหน้าไม่สู้ดี ตาสองข้างตกลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง ยิ่งมองก็ยิ่งขำ จึงทนไม่ไหว ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

“อาจารย์ครูทุกคนรออยู่ในเมืองกรุงแล้ว”

คำพูดนี้ทำให้ลู่เจาเจาห่อเหี่ยวใจ

ลู่เจาเจากรีดร้องออกมา ก่อนจะปีนขึ้นรถม้าไป และไม่ลืมที่จะลากจุยเฟิงขึ้นมาด้วย

เมื่อใกล้ที่จะออกจากตัวเมือง ไม่รู้ว่าประตูเมืองถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนาตั้งแต่เมื่อไหร่

สองข้างของถนนมีทหารยืนอยู่มากมาย

“ฮ่องเต้ตงหลิงพาฮองเฮามาส่งให้องค์หญิงแล้ว ตอนนี้กำลังรออยู่ที่ประตูเมือง” อวี้ซูพูดเบาๆ จากด้านนอก

อวีฉินยกผ้าม่านขึ้น ลู่เจาเจาลงจากรถม้า

“ถ้ามีเวลาว่าง ข้าจะไปหาเจ้าที่เป่ยโจว” ฝ่าบาทยืนอยู่ข้างฮองเฮา พวกเขาดูเหมาะสมกันอย่างมาก

เมื่อพูดคุยกันเสร็จ ลู่เจาเจาก็กลับไปที่รถม้า

รถม้าเคลื่อนที่ออกจากเมือง และค่อยๆ หายไปในระยะสายตาของเซวียนจี้ชวน

เซวียนจี้ชวนมองรถม้าที่ไกลออกไป เขารู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าทำไม

เมื่อรถม้าออกไปไกลแล้ว อวี้ซูรู้สึกโล่งใจ “ในที่สุดก็จะกลับบ้านแล้ว ที่อื่นจะสบายแค่ไหน ก็ไม่สบายใจเท่ากับอยู่บ้าน”

“ข้าไม่กลัวว่าท่านจะหัวเราะหรอก ความจริงข้าฝันถึงบ้านมาตลอดหลายวัน”

ทุกคนรู้สึกมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางหายไปไม่น้อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์