เข้าสู่ระบบผ่าน

หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1325

“อวี้จู เจ้าชินกับเมืองหลวงแล้วหรือยัง“

อวี้จูมาอยู่ที่เมืองหลวงได้หนึ่งเดือนแล้ว

อวี้จูพยักหน้า นางมองไปที่ลู่เจาเจาด้วยแววตาที่เป็นประกาย“ชินแล้ว ขอบคุณท่านผู้มีพระคุณที่เป็นห่วง อาจารย์ครูทั้งหลายดูแลศิษย์อย่างดี…” อวี้จูแสดงพรสวรรค์อันโดดเด่นด้านการศึกษาออกมาเป็นที่ประจักษ์ จนทำให้ศิษย์ของสำนักหนังสือส่งนางมายังเมืองหลวง

แม้นางจะเข้ามาในเมืองหลวงได้หนึ่งเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนสตรี

ในหนึ่งเดือนนี้ นางต้องรับการทดสอบจากอาจารย์ครูหลายคนของสำนักหนังสือ

“อย่าเรียกข้าว่าผู้มีพระคุณเลย เรียกข้าว่าลู่เจาเจาก็พอ” ลู่เจาเจาโบกมือ พอนางเรียกตัวเองว่าผู้มีพระคุณบ่อย ๆ ทำให้ลู่เจาเจารู้สึกปวดหัว

แต่อวี้จูไม่ยอม เพราะในใจของนาง ลู่เจาเจาเป็นผู้มีพระคุณตลอดชีวิตของนาง

“หากท่านไม่ชิน อวี้จูจะเรียกท่านว่าองค์หญิงก็แล้วกัน แต่ถ้าจะให้เรียกชื่อท่านตรง ๆ ข้าเรียนไม่ได้หรอก” ในใจของนาง การล่วงเกินลู่เจาเจาเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้โดยเด็ดขาด

ราวกับว่านี่คือวิธีแสดงความเคารพลู่เจาเจาจากใจที่บริสุทธิ์ของตัวเอง

อวี้จูหยุดคิดเล็กน้อยก่อนพูดอย่างตั้งใจ“อีกสามวัน ข้าจะต้องเข้าพิธีเคารพอาจารย์ครู องค์หญิงจะร่วมเป็นสักขีพยานได้หรือไม่ เดือนนี้ข้าผ่านการทดสอบของอาจารย์ครูทุกท่านแล้ว” นางกำลังจะมีอาจารย์ของตัวเองแล้ว

การเคารพอาจารย์คือการนับถืออาจารย์ให้เสมือนเป็นคนในครอบครัว

ลู่เจาเจายิ้มด้วยความดีใจ

นางไม่คิดว่าอวี้จูจะมีวาสนาเช่นนี้ การได้เข้าศึกษาในสำนักหนังสือ ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้การสั่งสอนของบัณฑิตผู้ใด ก็ถือเป็นเกียรติอย่างมาก

โอ้ นอกจากข้าน่ะนะ

นั่นถือเป็นข่าวร้าย

“ดี ๆ เจาเจาจะไปร่วมพิธีแน่นอน”

“ข้าได้ยินมาว่าแม่ของเจ้าเจอจวนที่อยู่แล้ว บัดนี้ได้พบญาติหรือยัง“

เหยาจิ้งอี๋ แม่ของอวี้จูถูกลักพาตัวไป นางเคยเรียนหนังสือมาก่อน หากไม่ได้ถูกลักพาตัวไป นางคงมีอนาคตที่สดใสมาก

แววตาของอวี้จูลังเลเล็กน้อย “ยังไม่ได้พบ”

“แม่ส่งจดหมายไปที่ตระกูลเหยาทางซีเหอแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับ”

หลังจากเข้ามาในเมืองหลวง ก็เพิ่งรู้ว่าตระกูลเหยาก็มาอยู่ที่เมืองหลวงเช่นกัน

แม่ยังคงตั้งหน้าตั้งตารอและเขียนจดหมายอีกฉบับหนึ่งส่งไปยังตระกูลเหยา พร้อมทั้งบอกตัวตนของนางและที่อยู่ชั่วคราว แต่ตระกูลเหยา…ไร้วี่แววการตอบกลับ

เหยาจิ้งอี๋ยืนรออยู่ที่ประตูถึงสามวัน ก็ไม่ได้รับจดหมายตอบกลับแม้แต่ฉบับเดียว

ไม่ได้ยินแม้แต่คำพูดใด ๆ จากพ่อแม่

“แม่ยังคงไม่ละความหวัง พรุ่งนี้นางตั้งใจจะไปพบพวกเขาด้วยตัวเอง” อวี้จูทอดถอนใจ หลังจากที่นางผ่านประสบการณ์ที่พ่อให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว จนทำให้พี่สาวของนางต้องจมน้ำตาย นางก็สิ้นศรัทธาและความหวังต่อคนในครอบครัวไปหมดแล้ว

แต่สำหรับแม่ ครอบครัวของนางเลี้ยงดูนางมาหลายปี นางเคยมีบ้านที่แสนอบอุ่น พวกเขาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจในช่วงเวลาที่ยากลำบากจากการถูกลักพาตัว นางจึงไม่อาจตัดใจทิ้งได้ อวี้จูเองก็เข้าใจดี

“ในอีกสามวันนางจะเข้าพิธีเคารพอาจารย์ เกรงว่าอาจจะต้องอยู่ที่โรงเรียนสตรีอีกนาน แต่ถึงอย่างไรการมีจวนให้อยู่ก็ทำให้รู้สึกมีที่พักพิง”

“จวนหลังนี้ถือเป็นของขวัญแสดงความยินดีที่นางได้เคารพอาจารย์”

รุ่งเช้าวันต่อมา เมื่อฟ้าสาง ฮูหยินเหยาได้นั่งรถม้ามารับนาง

รถม้าที่ดูซอมซ้อ รวมไปถึงฮูหยินเหยาที่แต่งตัวไม่ได้หรูหราอะไร แต่เนื้อตัวสะอาดเรียบร้อย บนศีรษะถูกปักด้วยปิ่นเงินเพียงแท่งเดียว ปิ่นเงินนี้เป็นของที่อวี้จูทำงานพิเศษสอนหนังสือจนหาเงินมาซื้อให้

ลู่เจาเจาเองก็ไม่ชอบการแต่งตัวหรูหรา นางจึงสวมหยิบชุดมาสวมลวก ๆ ก่อนจะขึ้นรถม้าไป ดูแล้วช่างเรียบง่ายซะเหลือเกิน...

หลังจากที่ฮูหยินเหยาเอ่ยทักทายนางแล้ว ฮูหยินเหยาก็กำชายเสื้อตัวเองแน่นอย่างประหม่า

บนตักมีห่อผ้าวางอยู่ ซึ่งเป็นเสื้อผ้าที่นางทำให้พ่อและแม่

“แม่ อย่าประหม่าเลย” อวี้จูอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจับมือของผู้เป็นแม่ ก่อนจะพบว่ามือของนางเย็นเฉียบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล

“ไม่ประหม่า ไม่ประหม่า กลับบ้านจะประหม่าได้อย่างไร” ฮูหยินเหยาเอ่ยพึมพำ ในแววตามีความไม่มั่นใจอยู่บ้าง

นางเปิดม่านมองนอกหน้าต่างเป็นระยะ

หลังจากถูกจับไปขาย นางไม่เคยพูดถึงตระกูลเดิมของตนเลย เพราะกลัวว่าจะทำให้บ้านเกิดต้องอับอาย

ในเวลานี้ นางกำลังจะได้กลับบ้าน จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น นางอธิบายให้ลูกสาวฟัง “ตระกูลเหยามีกฎระเบียบมาก เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าต้องเดินตามหลังแม่ให้ดี”

“บ้านตระกูลเหยาเป็นตระกูลผู้ดีในซีเหอ บรรพบุรุษเมื่อหลายพันปีก่อนเคยเป็นศิษย์ของปรมาจารย์นักอักษร นี่คือความภาคภูมิใจของลูกหลานตระกูลเหยา” เหตุนี้เองที่ทำให้สกุลเหยามักอ้างว่าเป็นศิษย์ของปรมาจารย์นักอักษรเสมอ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์