“ฉินเหวินซีถูกนักปราชญ์ประณามต่อหน้าธารกำนัลว่า มีพฤติกรรมชั่วช้า ห้ามมิให้เข้าสำนักศึกษาสตรีอีกตลอดชีวิต ตัดอนาคตโดยสิ้นเชิง”
“พิธียังไม่ทันเสร็จ ทั้งครอบครัวนางก็ถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาสตรีไปแล้ว”
“ถ้าพวกท่านมาเร็วกว่านี้ คงจะทันเห็นพอดี”
“เป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้ยังไง ข้างนอกใคร ๆ ก็เตรียมของขวัญกันทั้งนั้น ไม่มีทาง!” สะใภ้ใหญ่ตระกูลเหยาใจคอไม่ดี ฉินเหวินซีถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาสตรี ทั้งยังห้ามเข้าไปอีก? ทำเอาความฝันสลายไปในพริบตา และยังหวั่นใจว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย
นักปราชญ์เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางของเหล่าบัณฑิต เหวินซีมีพรสวรรค์มาก เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?
เด็กรับใช้เห็นพวกเขาไม่เชื่อ ก็โพล่งขึ้นอย่างหัวเสีย “ข้าจะหลอกพวกท่านทำไมกัน เมื่อครู่ทุกคนเห็นกันทั้งนั้น”
ตระกูลเหยาเห็นเด็กรับใช้เริ่มโมโห จึงได้แต่เก็บงำความหงุดหงิดไว้ในใจ
“แล้วศิษย์คนสุดท้ายเป็นใครกัน?” ท่านผู้เฒ่าเหยาถามด้วยสีหน้าบึ้งตึง ใบหน้าเหี่ยวย่นแดงก่ำด้วยความอับอาย
แทบจะไร้ซึ่งศักดิ์ศรีใด ๆ
“เมื่อครู่พวกท่านก็ได้พบแล้วมิใช่หรือ? ก็คนที่พูดคุยกับพวกท่านนั่นเอง”
“ศิษย์คนสุดท้ายมีนามว่า อวี้จู มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติที่ดีงาม ท่านนักปราชญ์ชื่นชอบยิ่งนัก ตั้งแต่เดือนก่อน ท่านนักปราชญ์ก็ได้ทดสอบนางแล้ว”
“คุณหนูน้อยผู้นี้ถูกเหล่าอาจารย์ครููทดสอบอยู่หนึ่งเดือนกว่าจะผ่าน”
“แปลกจริง พวกท่านมิได้บอกว่าศิษย์คนสุดท้ายเป็นลูกหลานในตระกูลหรือ? ไฉนจึงยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ หรือว่าพวกท่านเป็นนักต้มตุ๋นกัน?” เด็กรับใช้มีสีหน้าระแวดระวัง ก่อนหน้านี้เขาเห็นคนตระกูลเหยารับบัตรเชิญ
คนตระกูลเหยาหน้าซีดเผือด ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“มิได้ มิได้ เป็นความเข้าใจผิด พวกเราเข้าใจผิดเอง” สะใภ้ใหญ่ตระกูลเหยาหน้าซีดเผือดรีบอธิบาย ก่อนจะพาคนในครอบครัวจากไปด้วยท่าทางร้อนรน
“หรือว่าจะเป็นจิ้งอี๋กับอวี้จู?” สะใภ้รองตระกูลเหยาเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก
คนตระกูลเหยาพากันไปยืนอออยู่ตรงมุม ทุกคนปิดปากเงียบ สีหน้าดูน่ากลัวนัก
“จริงสิ มิน่าล่ะ...”
“มิน่าล่ะข้าถึงรู้สึกว่ามันแปลก ๆ อยู่ตลอด...” พี่ใหญ่ตระกูลเหยาตบมือฉาด
“แย่แล้ว เราคงเข้าใจผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว”
“ข้าเคยได้ยินมาว่า ตอนองค์หญิงเจาหยางเสด็จไปแคว้นฟั่น นางช่วยเหลือเด็กหญิงที่ถูกสวมรอยตัวตนเอาไว้หลายคน เส้นทางที่นางผ่านก็เป็นที่ที่อวี้จูอยู่!”
“องค์หญิงเจาหยางกับอวี้จู คงจะรู้จักกันมานานแล้ว”
“จิ้งอี๋กับอวี้จู คงไม่มีธุระสำคัญอะไรถึงได้เข้าเมืองหลวงมา ทั้งที่สามีก็ตายจากไป แม่ลูกผู้อ้างว้างจะเข้าเมืองหลวงมาทำไมกัน?”
“เหตุผลเดียวที่เป็นไปได้…” พี่ใหญ่ตระกูลเหยาถอนหายใจยาว
ฮูหยินใหญ่เหยาส่ายหน้า “ก็เพื่อการศึกษา” บุตรสาวของนาง เพื่อที่จะส่งเสริมอวี้จู จึงได้พาเข้าเมืองหลวงมา!
“ตอนที่ข้าแอบไปดูอวี้จูตัวน้อยที่ถนนตงต้าเจีย ข้าได้ยินเสียงอ่านตำราดังออกมาจากในบ้าน”
พลิกหาจดหมายที่ถูกทับถมจนฝุ่นจับอยู่ใต้กองตำรา
จดหมายเหล่านี้ ที่จริงเขาแทบไม่ได้เปิดอ่านเลยสักฉบับ
ตอนนั้นพอรู้ว่าเหยาจิ้งอี๋ยังไม่ตาย เขารู้สึกตกใจมากกว่าดีใจเสียอีก
ชื่อเสียงของตระกูลเหยาสร้างขึ้นจากการหลอกลวง หากเรื่องนี้ถูกเปิดโปง ตระกูลเหยาคงไม่มีที่ยืนในสังคมเป็นแน่
ขณะนี้ เขากำลังหยิบจดหมายออกมาทีละฉบับ
“ท่านพ่อสบายดีไหม...” บนกระดาษปรากฏรอยเปื้อนจาง ๆ คล้ายรอยน้ำตา
เป็นน้ำตาของเหยาจิ้งอี๋ ที่นั่งร่ำไห้อยู่ใต้แสงตะเกียง และเป็นน้ำตาแห่งความคิดถึงบุตรสาวของนายหญิงใหญ่
ท่านผู้เฒ่าเหยาเห็นข้อความในจดหมาย บุตรสาวต้องระหกระเหินไปใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในชนบทห่างไกล คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้กลับมาอยู่ใกล้ชิดพ่อแม่อีก ไม่คิดเลยว่าจะมีผู้มีพระคุณมาช่วยเหลือไว้
ผู้มีพระคุณส่งอวี้จูเข้าสถานศึกษา มอบชีวิตใหม่ให้กับพวกนาง
ท่านผู้เฒ่าเหยาทรุดกายลงบนเก้าอี้ราวกับหมดแรง หยิบจดหมายฉบับที่สองขึ้นมาอย่างสั่นเทา
ถึงพ่อแม่ที่รัก
อวี้จูมีพรสวรรค์มาก ได้รับความเมตตาจากอาจารย์ครู บุตรสาวกำลังจะเดินทางเข้าเมืองหลวง
แล้วหยิบจดหมายฉบับที่สามขึ้นมาดู

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ให้อ่านนะคะ...
ทำไมตัดเหรียญไปแล้วแต่ตอนไม่ปลดล็อคคะ ขึ้น error แต่หักเหรียญติดแจ้งปัญหาก็ไม่ได้...
ทำไมช่วงนี้ error บ่อยจังเลยคะ...
เติมเหรียญแล้วทำไมถึงปลดล็อคไม่ได้คะ...
ทำไมปลดล็อคไม่ได้คะ...
บท 613 ไม่ลงแล้วหรือค่ะ...
ไม่ลงต่อแล้วเหรอคะ...
อ่านบทที่ 613 กันที่ไหนคะ...
รอค่ะ แต่ช้าจัง สนุก รอค่ะ...
รอตอนต่อไปค่าา...