เข้าสู่ระบบผ่าน

หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1349

บรรยากาศในตระกูลลู่ช่างอบอุ่น ลูก ๆ รักใคร่กลมเกลียวกันยิ่งนัก

หรงเช่อให้เกียรติภรรยาของเขามาก

เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ลู่เจาเจาก็เป็นผู้นำนางอวี้จูและฮูหยินเหยาไปส่งถึงหน้าประตูด้วยตนเอง

และก็เป็นดังคาด ที่หัวมุมถนน คนตระกูลเหยากำลังยืนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ไม่รู้ว่ายืนมานานเท่าใดแล้ว

เหยาจิ้งอี๋มีสีหน้าสงบนิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา ลู่เจาเจาจึงแอบโล่งใจ

“บัดนี้คุณหนูอวี้จูมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว เชื่อว่ามีคนมากมายจับจ้องมองพวกเจ้าทั้งสองอยู่ หากฮูหยินเหยาไม่รังเกียจ รับเอาทหารกล้าคณะนี้กลับไปด้วยเถิด ล้วนเป็นผู้ผ่านสมรภูมิรบมาแล้ว หากใช้ปกป้องคุ้มครองเรือน ย่อมทำให้อุ่นใจได้”

หรงเช่อคุกเข่าลงกับพื้น ยังไม่ลืมที่จะกำชับสักประโยค

ฮูหยินเหยาชะงักไป ตามที่คาดไว้ ภายในลานบ้านมีทหารยี่สิบนายยืนรออยู่ ทุกคนล้วนมีรังสีแห่งการฆ่าฟันแผ่ออกมา สามารถข่มขวัญผู้คนได้เป็นอย่างดี

นางกล่าวขอบคุณหรงเช่อโดยไม่ลังเล “ขอบคุณแม่ทัพหรง การให้ปลาไม่ประเสริฐเท่าการสอนวิธีจับปลา กลับไปข้าจะรีบหาคนที่มีแววมาฝึกฝน ให้พี่น้องช่วยกันดูแล” การมีบ่าวไพร่ที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ไว้บ้างก็เป็นเรื่องปกติ ฮูหยินเหยาคิดการณ์ไกล เมื่อบุตรสาวเติบโตขึ้น ยศถาบรรดาศักดิ์ก็มากขึ้น ย่อมต้องเตรียมองครักษ์ไว้แต่เนิ่น ๆ ต่อไปในภายภาคหน้าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

หรงเช่อพยักหน้า ฮูหยินเหยาผู้นี้ช่างเป็นสตรีที่เฉลียวฉลาดยิ่งนัก

เหยาจิ้งอี๋พาอวี้จูขึ้นรถม้า องครักษ์ยี่สิบนายล้อมรถม้าไว้ตรงกลาง

คนตระกูลเหยาเข้าใกล้ไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว

ทันทีที่เข้าใกล้ ชายผู้นำกลุ่มก็ชักดาบออกทันควัน “ผู้ใดบังอาจล่วงล้ำเข้ามา รีบถอยออกไปเดี๋ยวนี้ !!” กระแสอำมหิตจากคมดาบที่ผ่านร้อนผ่านหนาวและคร่าชีวิตผู้คนมานับไม่ถ้วน แผ่พุ่งออกมาจนคนตระกูลเหยาต่างหวาดผวา ไม่กล้าบุ่มบ่ามล่วงล้ำเข้าไป

พี่ใหญ่ตระกูลเหยาหน้าซีดเผือด “ข้าเป็นพี่ใหญ่ของนาง ตาบอดหรืออย่างไรกัน ! น้องหญิง น้องหญิง...” เขาแหกปากร้องเรียกสุดเสียง

หัวหน้าองครักษ์ยังคงยืนนิ่ง ดาบในมือไม่ไหวติง หากฮูหยินยังไม่อนุญาต สิ่งใดก็ไร้ความหมาย

เหล่าทหารหาญล้วนยึดมั่นในกฎระเบียบ มิใช่ผู้ใดจะมาล้อเล่นด้วยได้

ฮูหยินเหยาไม่แม้แต่จะเปิดม่านขึ้น เสียงของนางราบเรียบ “ข้ากำพร้าบิดามารดาตั้งแต่ยังเล็ก เติบโตขึ้นมาเพียงลำพัง ไหนเลยจะมีพี่ชาย?”

“ลากตัวออกไป!”

สิ้นคำ ทหารก็ลากตัวเขาออกไป

ตระกูลเหยาล้วนเป็นบัณฑิต ไหนเลยจะเคยถูกปฏิบัติอย่างหยาบคายเช่นนี้ เขาจึงได้แต่ขดตัวร้องครวญครางอยู่บนพื้น

“นี่คือน้องสาวข้า... นางคือน้องสาวข้า เหยาจิ้งอี๋ จริง ๆ” พี่ใหญ่ตระกูลเหยาเห็นสายตาเหยียดหยามของชาวบ้านที่มามุงดู จึงรีบอธิบาย

“ตระกูลเหยาพวกเจ้าเสียสติหรือไง? ไม่กี่วันก่อนยังบอกว่าเหยาจิ้งอี๋ฆ่าตัวตายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองเมื่อหลายปีก่อน ใครก็ห้ามแอบอ้างเป็นนาง แล้วตอนนี้ จะบอกว่าฟื้นขึ้นมาจากความตายงั้นหรือ?”

“ยังไงกัน? จะเป็นจะตายก็ต้องให้ตระกูลเหยาพวกเจ้าเป็นคนตัดสินใจรึ?”

“ไม่เคยเห็นบัณฑิตไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน!”

“เมื่อเช้า พวกเจ้าตระกูลเหยายังไปประจานตัวเองที่สำนักศึกษาสตรี แถมยังไร้ยางอายบอกว่าศิษย์คนสุดท้ายของนักปราชญ์เป็นลูกหลานในตระกูลของพวกเจ้าอีก ถุย…” น้ำลายกระเด็นไปถูกหน้าคนตระกูลเหยา

ลู่เจาเจาหลบมุมแอบหัวเราะ ซ่านซ่านเสียทั้งขึ้นทั้งล่องแล้ว

จุยเฟิงยืนพิงกำแพงอย่างสบายอารมณ์ “ท่านแม่ทัพหรงกลัวเมียทั่วทั้งเมือง ใคร ๆ ก็รู้ เขากล้าเชื่อได้ยังไงว่าท่านแม่ทัพจะปกป้องเขาต่อหน้าฮูหยินสวี่ได้?”

“ฮูหยินสวี่ตบหน้าเขา เขายังถือโอกาสเลียมือนางได้เลย”

พูดจบ จุยเฟิงก็รีบยกมือปิดปากตัวเอง

เห็นลู่เจาเจาราวกับไม่ได้ยิน จึงแอบตบปากตัวเองเบา ๆ ปากบอนเสียจริง นายหญิงน้อยยังไม่เจ็ดขวบเลย

เดิมทีราชาปีศาจก็เป็นคนไร้กังวล แต่หลังจากอยู่เคียงข้างลู่เจาเจามาตั้งแต่เล็กจนโต ก็ระมัดระวังคำพูดและการกระทำเป็นอย่างยิ่ง

รอจนลู่เจาเจาเข้าห้องไปพักผ่อนแล้ว เขาจึงหันไปมองจู๋มั่วที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู

“เจ้าเอาแต่เหม่อลอยเช่นนี้ จะทำเยี่ยงไรดี!”

“พวกเรากลับเป่ยเจาแล้ว นางยังคงนอนอยู่เพียงลำพังที่ตงหลิง...”

“ข้า ข้าอยากจะเผานางและลูกแล้วพาพวกเขากลับมา” จู๋มั่วลังเลอยู่นาน แต่ยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ

เหงื่อจุยเฟิงแทบหยดลงมา

“นางไปก่อกรรมทำเข็ญอะไรไว้หรือ? การกระทำของเจ้า หากเป็นมนุษย์ก็เรียกว่า บดขยี้กระดูกเป็นผง หากดวงวิญญาณของอาอู๋รับรู้ คงจะตายตาไม่หลับเป็นแน่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์