เข้าสู่ระบบผ่าน

หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1350

“ยิ่งไปกว่านั้น นางยังมีเด็กน้อยในครรภ์ ดวงตาก็ยังไม่ลืม ไม่เคยได้เห็นโลกภายนอก เจ้าเผาร่างนางไปเช่นนี้ อาอู๋ต้องโกรธแน่”

“ทิวทัศน์ตงหลิงงดงาม นางโปรดปรานนัก ก็ให้เป็นไปตามความต้องการของนางเถิด” จุยเฟิงมองเขาอย่างระมัดระวัง

บัดนี้ย่อมเปิดโลงไม่ได้ ในนั้นมีเพียงโลงเปล่า!

จู๋มั่วหน้าซีดเผือด “เอาเถิด ข้าเองที่เสียสติ”

“ช่วงนี้นอนไม่หลับเลย พอหลับตาก็เห็นอาอู๋จ้องมองข้าด้วยดวงตาอาบเลือด มิเอ่ยวาจา…” จู๋มั่วแทบไม่กล้าหลับตา แม้แต่หายใจก็เจ็บปวดไปหมด

“ยังไงมันก็ต้องผ่านไปได้” เสียงปลอบโยนแผ่วเบาของจุยเฟิงแฝงไว้ด้วยความกังวล ในใจนึกคำนวณ ลูกเกิดมาได้หลายเดือนแล้วกระมัง?

ความจริงจู๋มั่วไม่ต้องการคำปลอบประโลมใด ๆ เพียงแต่รู้สึกอัดอั้นตันใจจนอยากระบายออกมา

“คืนนี้เราผลัดกันเฝ้ายามได้ไหม? ข้าอยากกลับไปยังเผ่ามังกรเสียหน่อย” ถึงแม้ว่าอาอู๋จะจากไปแล้ว แต่เขาก็อยากจะสร้างสุสานไว้เป็นที่ระลึก

จุยเฟิงโบกมือ “เจ้าไปเถิด” ตัวเขานั้นไร้ญาติขาดมิตร ว่างทุกวันอยู่แล้ว

จู๋มั่วกล่าวขอบคุณแล้วจากไปอย่างเงียบ ๆ

เมื่อกลับไปถึงเผ่ามังกร เขาก็ไม่ได้รบกวนผู้ใด

ถ้ำมังกรแห่งนี้คือสุสานที่เผ่าพันธุ์มังกรใช้ฝังศพบรรพบุรุษมาช้านาน มังกรเฒ่าผู้เฝ้าประตูสัมผัสได้ถึงไอพลัง จึงลืมตาขึ้นช้า ๆ มองดูผู้มาเยือน

“องค์รัชทายาทน้อย ทุกคนในเผ่าพันธุ์ล้วนมีภาระหน้าที่ในการฟื้นฟูเผ่ามังกร ขอองค์ชายอย่าได้ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง...”

“ยอมอ่อนข้อให้ฝ่าบาท กลับบ้านไปเสียเถิด” มังกรเฒ่าถอนหายใจแผ่วเบา

“ผู้อาวุโสรอง จู๋มั่วเข้าใจดี ท่านมิต้องเกลี้ยกล่อมข้าแล้ว”

เขาก้าวเข้าไปในถ้ำมังกร ภายในถ้ำมืดสลัว บรรยากาศรอบด้านวังเวงและเย็นเยียบ ทว่า มังกรนั้นหนังหนาเนื้อแข็ง จึงมิได้ใส่ใจกับความหนาวเหน็บแม้แต่น้อย

จู๋มั่วเลือกทำเลที่ถูกใจได้แล้ว ก็ลงมือขุดด้วยกรงเล็บของตนเองทีละเล็บ ทีละเล็บ

เขาใช้กรงเล็บจารึกอักษรลงบนแผ่นศิลาว่า หลุมศพของอาอู๋และจู๋มั่ว

หลุมศพที่ฝังร่วมกัน

แต่อาอู๋ไม่ต้องการฝังร่วมกับเขา จู๋มั่วจึงนำเพียงเสื้อผ้าที่นางเคยสวมใส่บรรจุลงในหลุม

เขายืนอยู่หน้าหลุมศพอย่างเงียบงัน ใบหน้าเศร้าสร้อย

ขณะที่เขากำลังจะจากไป ก็พบกับภูตหอยซึ่งกำลังถือถุงผ้าไหมเล่นอยู่ เดิมทีภูตหอยมีนิสัยห้าวหาญ แต่พอเห็นเขา นางก็รีบซ่อนถุงผ้าไว้ด้านหลังพลางกล่าวว่า “องค์ชาย”

ถุงห่อผ้าไหมสีสวยงามยิ่งนัก นางชื่นชอบนักหนา

ทว่าถุงห่อผ้านั้นมีมนตร์ผนึก นางเปิดไม่ออก

จู๋มั่วมิได้ใส่ใจ หันกลับไปมองวังมังกรเพียงแวบเดียว ก่อนจะหันหลังจากไปอย่างไม่ลังเล

ทันใดนั้น…

เสียงร้องอันไพเราะเสนาะโสตก็ดังขึ้นข้างหู

เสียงนั้นอ่อนหวาน นุ่มนวล แฝงไว้ด้วยความไร้เดียงสา

จู๋มั่วชะงักไปครู่หนึ่ง ก็เห็นภูตหอยน้อยบินเข้าไปต้อนรับอย่างรวดเร็ว “องค์หญิงน้อยเผ่าหงส์...” ภูตหอยตื่นเต้นจนแก้มแดงก่ำ ยกมือขึ้นตะโกน

จู๋มั่วมองเห็นแสงเพลิงพุ่งเข้ามาแต่ไกล

“บางคนก็บอกว่า พ่อเจ้าเป็นผู้มีพลังแก่กล้าแดนพระพุทธ”

“แล้วใครเป็นพ่อของเจ้ากันแน่?” ทั่วทั้งสามดินแดนต่างถกเถียงกันไม่หยุดหย่อน แต่ก็ไม่มีใครหาเบาะแสเจอแม้แต่น้อย

“เฮ้อ น่าเสียดายที่ใครบางคนในบ้านเราไม่มีวาสนา” ภูตหอยพูดพลางปรายตามองไปที่จู๋มั่ว

จู๋มั่วจ้องมองหงส์น้อยตาไม่กะพริบ นี่มัน... หงส์เพลิงน้อยตัวที่บินออกมาตอนปีใหม่ปีที่แล้วนี่?

ลูกของ…ภรรยาเก่า?

ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น แสงอรุณสองสายก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าไกลโพ้น หงส์น้อยร้องไห้จ้าขึ้นมาทันที “ป้าชิงเฟิ่ง ป้าหงเฟิ่ง อย่าบอกท่านแม่นะ…” พูดจบก็รีบบินจากไปกับคนทั้งสอง

ก่อนจากไปยังไม่ลืมหันกลับมาพูดว่า “ตายแล้ว…”

“ท่านพ่อตายแล้ว…” หงส์เพลิงน้อยเที่ยวบอกคนอื่นไปทั่วว่าพ่อตายแล้ว

ส่วนพี่ชายน่ะหรือ อืม…

ท่านแม่ไม่ให้พูดถึง คงเป็นเพราะพี่ชายน่าเกลียดมากกระมัง…

พี่ชายไม่มีปีก ไม่มีแม้แต่ขนหางที่สวยงาม

นางไม่เข้าใจ ทำไมท่านแม่ที่งดงามถึงให้กำเนิดหนอนน้อยน่าเกลียดเช่นนั้นได้!

หัวใจของจู๋มั่วรู้สึกเจ็บปวด

ถ้าหากอาอู๋ไม่ประสบอุบัติเหตุ ลูกของเขาคงจะฉลาดและน่ารักเช่นนี้เหมือนกันใช่ไหม?

คงจะเรียกเขาว่าท่านพ่อด้วยเสียงหวาน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์