เข้าสู่ระบบผ่าน

หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1352

“ข้าใช้เข็มทองยื้อลมหายใจท่านโหวผู้เฒ่าไว้เป็นครั้งสุดท้าย…” หมอหลวงพยักหน้าให้กับทุกคน เป็นนัยให้เอ่ยคำลา

ทันใดนั้นภายในห้องก็เต็มไปด้วยเสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้น เสียงสะกดกลั้นจนแทบหายใจไม่ออก

ถึงแม้ว่าฮูหยินเฒ่าเจิ้นกั๋วกงจะถือว่ามีสติสัมปชัญญะครบถ้วน แต่เมื่อคู่ชีวิตที่อยู่เคียงข้างกันมานานใกล้จะสิ้นลม ก็ยังคงร่ำไห้จนหมดสติไปครั้งหนึ่ง มามาสองคนจึงต้องคอยประคองไว้ด้วยดวงตาแดงก่ำ ด้วยความกังวลจะเกิดอันใดขึ้น

เจิ้นกั๋วกงยกมือขึ้นเล็กน้อย ทุกคนจึงพาเจาเจาและเจ้าซ่านซ่านเข้ามาหาท่าน

ทั้งสองคือลูกหลานที่ท่านผู้เฒ่าห่วงใยมากที่สุด

แม้ท่านผู้เฒ่าจะมีน้ำพุวิญญาณจากลู่เจาเจา มิได้เจ็บป่วยทรมานกาย แต่เขาผู้ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านศึกมานับครั้งไม่ถ้วน บัดนี้กลับต้องนอนติดเตียง ไร้เรี่ยวแรง ไหนเลยจะไม่นับเป็นความทรมานอีกแบบหนึ่ง

“ดูแล...ซึ่งกัน...และกัน...”

“ซ่านซ่าน...” เขาพยายามเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก

“จงรักษาความดีงามดั้งเดิมไว้...”

“อย่า...หลงทาง”

“ลูกหลานตระกูลหรง...ยอมตายในสนามรบ แต่ไม่ทำร้าย...ราษฎร!”

เขาใช้มือข้างหนึ่งจับซ่านซ่านไว้แน่น “ซ่านซ่าน รับปากข้า!”

“รับปากข้า!”

ท่านผู้เฒ่าหอบหายใจแรง พูดตะกุกตะกัก “ซ่านซ่าน...รับปากข้า!”

ซ่านซ่านรู้สึกเหมือนกระดูกกำลังจะแหลก ท่านปู่รักและเอ็นดูเขามาตลอด เขาไม่เคยเห็นท่านปู่เป็นแบบนี้มาก่อน

ในขณะเดียวกัน หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดและทรมานอย่างแสนสาหัส

ชีวิตคนเราช่างสั้นนัก เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ดับสูญไปในพริบตา

ในวินาทีนี้ เขาปรารถนาให้ท่านปู่มีชีวิตยืนยาวนานเท่านาน

น้ำตาเย็นเฉียบไหลรินอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว

“ได้ ซ่านซ่านเข้าใจแล้ว” เสียงตอบรับสั่นเครือด้วยความสะอื้น

สิ้นคำตอบ มือเหี่ยวย่นที่เคยกำมือเขาไว้แน่นก็คลายออก

ซ่านซ่านพยายามคว้า แต่คว้าไว้ไม่อยู่ ได้แต่มองตาค้าง ภาพผู้เฒ่าผู้เปี่ยมเมตตาหลับตาลง สิ้นลมหายใจเฮือกสุดท้าย

มือทั้งสองข้างของเขาหล่นลงอย่างหมดแรง

“ท่านผู้เฒ่าสิ้นแล้ว!”

“ท่านพ่อ!”

“ท่านกั๋วกง…” เสียงร่ำไห้ดังระงมขึ้นในฉับพลัน ผู้คนต่างพากันคุกเข่าลง ก้มส่งท่านผู้เฒ่าเป็นครั้งสุดท้าย

ร่างของหรงเช่อเย็นเฉียบ หัวใจว่างเปล่า มองบิดาของตนอย่างเหม่อลอย

“ท่านพ่อ…” ชายชาตรีผู้มิเคยหลั่งน้ำตาแม้ยามออกรบในสนามรบ ตลอดชีวิตนี้หลั่งน้ำตาให้เพียงสามคน

เพื่อสวี่สืออวิ๋นที่เขาพลาดโอกาส

เพื่อซ่านซ่านที่เขาอยากจะบีบคอให้ตายนับครั้งไม่ถ้วน

และเพื่อบิดาผู้ล่วงลับ

เขารู้สึกชาไปหมดทั้งตัว สวี่สืออวิ๋นจึงผุดลุกขึ้นปาดน้ำตาพลางเดินออกไปจากห้อง

ซ่านซ่านเม้มริมฝีปากแน่น “สามารถเสกท่านปู่ให้กลายเป็นผีดิบได้หรือไม่?”

“ข้ารู้จักวิชาอาคมอย่างหนึ่ง สามารถเสกศพให้กลายเป็นผีดิบได้...”

“ถึงตอนนั้น พอท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ตาย ก็เสกให้พวกเขากลายเป็นศพแห้ง แล้วผนึกวิญญาณไว้ในนั้นเป็นอย่างไร?” เด็กน้อยพูดตะกุกตะกัก แต่ดูเหมือนจะคิดว่าเป็นความคิดที่ดี

เขาตั้งใจลงมืออย่างกระตือรือร้น

ลู่เจาเจามีสีหน้าตื่นตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น นางก็กระโดดขึ้นมาตบเขาฉาดใหญ่

“ดี ดีมาก ขอให้ทั้งตระกูลเจ้าจงเจริญ!!!” อ๊าาาา ข้าก็รู้อยู่แล้วว่ามารร้ายคิดไม่เหมือนคนปกติ!!

ที่มุมห้อง

เสียงร้องไห้คร่ำครวญกึกก้องดังขึ้น

ทันทีที่หรงเช่อรายงานข่าวร้ายเสร็จสิ้นและก้าวเข้ามาในประตู ก็ได้ยินเสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจของซ่านซ่าน ความโศกเศร้าที่กัดกินหัวใจเขามาตลอดทางพลันมลายหายไป

“ไม้อ่อนดัดง่ายม ยังดีที่ยังมีทางช่วย” หรงเช่อถอนหายใจ

เจิ้นกั๋วกงวัยเพียงสิบหกปีก็ออกสู่สนามรบ จนกระทั่งปีนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกส่งตัวกลับเมืองหลวงพร้อมลมหายใจรวยริน จึงได้ยุติบทบาทนักรบ

แม้จะรอดชีวิตกลับมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ขาข้างหนึ่งก็พิการเล็กน้อย แม้จะมองไม่เห็นชัดเจน แต่ก็ไม่อาจกลับไปออกรบได้อีก

ท่านผู้เฒ่าใช้ชีวิตทั้งชีวิตปกป้องเป่ยเจา บุตรชายที่ให้กำเนิดมาก็เป็นเทพผู้พิทักษ์เป่ยเจาเช่นกัน

ในหัวใจของชาวเป่ยเจา คำว่าหรงจึงเปี่ยมไปด้วยความหมาย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์