เข้าสู่ระบบผ่าน

หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1353

เมื่อข่าวการจากไปของเจิ้นกั๋วกงแผ่ขยายออกไป หน้าจวนเจิ้นกั๋วกงจึงมีผู้คนมากมายมารวมตัวกันตั้งแต่เช้าตรู่

“ท่านกั๋วกงเสียสละเพื่อแคว้นและราษฎร พวกเราต่างได้รับการคุ้มครองจากท่าน อย่างน้อยก็ขอให้ได้คารวะท่านผู้เฒ่าเป็นครั้งสุดท้าย”

“ขอให้พวกเราได้ร่วมส่งท่านท่านผู้เฒ่าเป็นครั้งสุดท้ายเถิด”

นายหญิงใหญ่ปาดน้ำตาพลางพยักหน้า เพียงไม่กี่วัน ร่างกายและจิตใจของนางก็ดูร่วงโรยลงไปมาก

ชาวบ้านต่างหลั่งไหลมาเคารพศพอย่างไม่ขาดสาย

ขุนนางในราชสำนักก็มาร่วมไว้อาลัยอย่างพร้อมเพรียง

คุณงามความดีของเจิ้นกั๋วกง เป็นที่ประจักษ์แก่ขุนนางทุกคน ยากที่จะหาผู้ใดไม่เลื่อมใสศรัทธา

เมื่อฮ่องเต้เซวียนผิงทราบข่าวการตายของเจิ้นกั๋วกง ก็ยืนถอนหายใจยาวในห้องทรงพระอักษร “ออกวัง ไปส่งท่านกั๋วกงเป็นครั้งสุดท้าย”

ฮองเฮาก็ฉลองพระองค์สีขาวตามเสด็จมาด้านหลัง ดวงตาแดงก่ำ สีหน้าซีดเซียว

ในฐานะพระสนม นางได้เข้าพบท่านผู้เฒ่าเป็นครั้งสุดท้ายในวันนั้น แล้วจึงรีบกลับเข้าวัง

โชคดีที่ฝ่าบาททรงเห็นใจข้าราชบริพารเก่า และทรงทราบความในใจของนาง จึงพานางมาด้วย

บรรยากาศในจวนตระกูลหรงเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทุกคนจมอยู่ในห้วงแห่งความอาลัย

ดวงตาของซ่านซ่านบวมเป่งจากการร้องไห้ ผู้คนเห็นแล้วต่างพากันชื่นชม “ช่างเป็นเด็กกตัญญูจริง ๆ ดวงวิญญาณของท่านผู้เฒ่าในสวรรค์ คงจะนอนตายตาหลับแล้ว”

ซ่านซ่านยกมือลูบใบหน้า รอยฝ่ามือจากการตบของพี่หญิงนั้นยังคงแสบร้อนอยู่

“ท่านย่า ท่านย่า อย่าร้องไห้เลยเจ้าค่ะ…” ลู่เจาเจาคว้าผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้นายหญิงใหญ่ด้วยความตื่นตระหนก

นายหญิงใหญ่กอดเจาเจาเอาไว้ ดวงตาที่ขุ่นมัวฉายแววโศกเศร้า

“ย่าช่างไร้ประโยชน์ เสียแรงที่เจาเจาเป็นเด็กดี ย่าทำให้เจาเจาต้องเป็นห่วง…” เสียงของนายหญิงใหญ่แหบพร่าราวกับจะขาดใจ

“ทุกคนในตระกูลหรงล้วนมีจุดจบเดียวกัน คือตายในสนามรบ เขาน่ะ ถือว่ายังโชคดี” นายหญิงใหญ่พูดติดตลก แต่ในใจกลับขมขื่นอย่างที่สุด

“ตอนที่ข้าแต่งเข้ามา ตระกูลหรงที่ยิ่งใหญ่นี้ เหลือเพียงเขาและพ่อบ้านเฒ่าที่คอยกวาดลานเท่านั้น”

“ผู้ชายในตระกูลหรง ล้วนตายในสนามรบ”

นายหญิงใหญ่ถอนหายใจด้วยรอยยิ้ม

“เรื่องแต่งงานของข้ากับเขา เป็นท่านทวดของเจ้าที่เป็นคนจัดการไว้ ตอนนั้น บุตรชายทั้งหกของท่านทวด ตายไปห้าคน เหลือเพียงท่านปู่ของเจ้าที่เป็นความหวังสุดท้าย”

“เดิมทีข้าเป็นบุตรีของขุนนางฝ่ายบุ๋น เขาคิดว่าหากได้แต่งงานกับสตรีจากขุนนางฝ่ายบุ๋น จะสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของลูกหลานตระกูลหรงไม่ให้ต้องเป็นฝ่ายบู๊อีกต่อไป”

“ใครจะรู้... เฮ้อ... ไม่นานหลังจากหมั้นหมายกัน ปู่ทวดก็ออกศึก แล้วก็ตายในสนามรบ จวนที่กว้างใหญ่เหลือเพียงเขาอยู่ผู้เดียว ตอนนั้นเขายังเด็กมาก จวนก็ค่อย ๆ ทรุดโทรมลง”

“เขาต้องแบกรับภาระดูแลวงศ์ตระกูลเพียงลำพัง ประคับประคองตระกูลหรงให้ผ่านพ้นความยากลำบากไปได้”

ลู่เจาเจาซบหน้าลงกับอกของนายหญิงใหญ่ “ตอนนั้น ท่านย่าแต่งงานกับท่านปู่ คงต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมายสินะเจ้าคะ?”

คนในครอบครัวตายหมด เหลือเพียงเจิ้นกั๋วกงที่ยังเยาว์วัยกับพ่อบ้านเฒ่า ใครเล่าจะยอมยกบุตรีให้แต่งเข้าจวนเช่นนี้

ในวันแต่งงาน เขาก้าวออกจากบ้านในชุดแต่งงานสีแดงเพลิง

ก่อนจากไป เขาพูดกับภรรยาใหม่ว่า

“เขาพูดว่า ดาบในมือข้าสามารถปกป้องทั่วหล้าได้ แต่มิอาจโอบกอดเจ้า ชาติภพนี้เป็นข้าที่ทำให้เจ้าผิดหวัง หากข้ามิอาจหวนคืน จงนำทรัพย์สมบัติของตระกูลหรงไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เถิด”

สีหน้าของชายหนุ่มบนหลังม้า เปี่ยมไปด้วยความแน่วแน่

“ต่อมา เขาก็เข้าร่วมสงคราม นำทัพทหารบุกยึดเมืองคืน แต่กลับพลาดท่าเสียที ติดกับดักของศัตรูที่ตงหลิง สูญหายไร้ร่องรอย”

“ใคร ๆ ก็บอกว่าเขาตายแล้ว ต่างก็คะยั้นคะยอให้ข้าแต่งงานใหม่ แม้กระทั่งพ่อแม่ก็ร้องไห้เสียใจหลายครั้งหลายครา”

“แต่ข้าไม่เชื่อ…” นายหญิงใหญ่ส่ายหน้า

“ข้าจะเฝ้าตระกูลหรงไว้ ใครก็ห้ามมายุ่งกับตระกูลหรงเด็ดขาด ข้าจะรอเขากลับมา...”

“และแล้วครึ่งปีต่อมา เขาก็กลับมาพร้อมชัยชนะ กวาดล้างกองทัพศัตรูราบคาบ นำทัพกลับราชวงศ์อย่างองอาจ ตอนนั้นเขาอายุเพียงสิบแปดปี” แววตาของนายหญิงใหญ่เป็นประกาย ราวกับดวงตะวันดวงน้อยที่เปล่งประกายเจิดจรัส

ตระกูลหรงกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ยิ่งใหญ่กว่าสมัยบรรพบุรุษเสียอีก

ทั้งสองแม้จะต้องแยกจากกันมากกว่าอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต แต่กลับผูกพันด้วยความรักอันลึกซึ้ง แม้แต่นายหญิงใหญ่ซึ่งเป็นบุตรีขุนนางฝ่ายบุ๋น ก็ยังคงแฝงไว้ซึ่งความองอาจดุจวีรสตรี

นายหญิงใหญ่น้ำตาไหลเงียบ ๆ ความเศร้าโศกเกือบจะทำให้ลู่เจาเจาจมดิ่งลงไป

ลู่เจาเจาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบข้าง ๆ หูท่านย่า “ท่านย่า ข้ามีความลับจะบอกท่าน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์