“ความตายมิใช่การลาจาก”
นายหญิงใหญ่กลั้นน้ำตาไว้ ด้วยเกรงว่าเจาเจาจะกังวลใจ จึงพยักหน้าเบา ๆ
หลังจากตั้งศพครบสามวัน หรงเช่อประคองกระถางธูปไว้ในมือทั้งสอง
เพล้ง กระถางธูปหล่นแตกกระจาย
“เชิญวิญญาณ!” เขาเปล่งเสียงพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ ประคองป้ายวิญญาณของท่านผู้เฒ่า ก้าวเท้าออกจากบ้านทีละก้าว
เด็กรับใช้ถือตะกร้าสาน โปรยกระดาษเงินขึ้นบนฟ้า ปลิวว่อนไปทั่วทิศ
ถนนสายยาวแน่นขนัดไปด้วยผู้คน ทยอยมาส่งขบวนอย่างเนืองแน่น ถนนสายยาวเงียบสงัดลงราวกับป่าช้า
“ท่านกั๋วกง ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ...”
“ท่านกั๋วกง ท่านค่อย ๆ ไป…”
“ขอท่านคุ้มครอง พวกเรามาคำนับท่านแล้ว” ชาวบ้านหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ ต่างร่ำไห้คร่ำครวญด้วยความอาลัย
หรงเช่อสูดน้ำมูก ใบหน้าชายชาตรีเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“พอแล้ว ๆ ร้องไห้สองสามทีก็พอแล้ว อย่าเสียใจไปเลย” ลู่เจาเจาดึงแขนเสื้อพี่สามเบา ๆ
ลู่หยวนเซียวร้องไห้จนฟังไม่เข้าหู ได้แต่โบกมือให้นาง
“พี่ซูเหยา อย่าร้องไห้เลยนะ เดี๋ยวท่านปู่จะลุกขึ้นมาด่าเอาหรอก”
โจวซูเหยาสะอื้นไห้ ดวงตาทั้งสองข้างบวมแดง ส่ายหน้ากล่าวว่า “ถ้าท่านลุกขึ้นมาตีข้าได้ นั่นคงจะเป็นเรื่องดีเสียอีก”
ลู่เจาเจาเกาหัว เดินตามหลังขบวนไป
นางอ้าปาก ราวกับจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ยังไม่ทันได้เปล่งเสียง นิ้วเรียวยาวก็เอื้อมมาปิดปากนางไว้เสียก่อน
ราวกับลูกเป็ดน้อยตัวหนึ่ง
“อื้อ อื้อ อื้อ…” ลู่เจาเจาดิ้นขลุกขลัก ทั้งเตะทั้งถีบใส่เต๋าสวรรค์
เต๋าสวรรค์ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูพลางกล่าวว่า “ความลับสวรรค์ไว้แล้ว บอกไม่ได้หรอกนะ”
เขายอมปล่อยมือ ลู่เจาเจาจึงทำปากยื่น กอดอกแน่น
“อึดอัดจะแย่...”
“พวกเขาร้องไห้กันน่าสงสารขนาดนั้น ข้าก็เกือบจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน... เฮ้อ...”
ลู่เจาเจามองเขาด้วยความเคลือบแคลงสงสัย “ทำไมกลิ่นอายบนตัวท่านถึงได้แปลกประหลาดเช่นนี้?” ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไป
เต๋าสวรรค์มิได้เอ่ยสิ่งใด เพียงจูงมือพานางขึ้นเขาไปอย่างเงียบ ๆ
จุยเฟิงก้มหน้าต่ำ เดินตามหลังอย่างนอบน้อม
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเต๋าสวรรค์ จึงยกมุมปาก ยิ้มแย้มประจบเอาใจ
ถนนสายยาวถูกอัดแน่นไปด้วยผู้คน พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นชาวบ้านที่มาส่งศพ จนกระทั่งเดินทางขึ้นเขา นายหญิงใหญ่มากล่าวขอบคุณด้วยตนเอง ผู้คนจึงค่อย ๆ สลายตัวไป
ครั้นเมื่อฝาโลงถูกปิดลงและหย่อนลงสู่หลุมศพ คนของตระกูลหรงต่างก็คุกเข่าลงกับพื้นดินกันเต็ม
“ท่านพ่อ ท่านค่อย ๆ ไปนะ”
“ท่านกั๋วกง ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ”
เสียงสะอื้นไห้ของนายหญิงใหญ่ดังขึ้น “ท่านพี่ เดินทางไปแม่น้ำเหลืองช้า ๆ อย่าลืมรอข้าด้วย”
พอเปิดม่านเกี้ยวออกก็เอ่ยถามว่า “นี่เรามาถึงศาลเจ้าหลักเมืองได้อย่างไร?”
ลู่เจาเจาก้าวเท้าฉับ ๆ ข้ามธรณีประตูวิ่งเข้าไปในศาลเจ้าทันที
“ช่างเถอะ มาถึงนี่แล้ว ไหว้สักหน่อยก็ดี ขอพรเจ้าหลักเมือง ผู้เฒ่าอาจจะได้สบายขึ้นบ้าง” หรงเช่อประคองนายหญิงใหญ่ ท่านหลังค่อมข้ามธรณีประตูเข้าไป
ภายในศาลเจ้าหลักเมืองควันธูปลอยกรุ่น อบอวลไปด้วยกลิ่นอายที่ทำให้จิตใจสงบ
“ท่านพ่อ รีบไปเช็ดฝุ่นให้เจ้าหลักเมืองเร็วเข้า” เจ้าตัวน้อยออกคำสั่งให้หรงเช่อช่วย
หรงเช่อไม่ถามอะไร พาลูกน้องทำความสะอาดศาลเจ้าหลักเมืองจนสะอาดเอี่ยม
“คุกเข่าลง!” นางเอ่ยจบก็ถอยห่างไปอีกด้าน
หรงเช่ออึ้งไป มองรูปปั้นเจ้าหลักเมืองที่สีซีดจางลงไปมาก แล้วก็คุกเข่าลงโดยไม่ลังเล
ทันทีที่เข่าแตะพื้น แสงสว่างวาบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ซ่านซ่านนั่งอยู่บนธรณีประตูด้วยท่าทีเบื่อหน่าย เงยหน้าขึ้นก็เห็นดาวดวงหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า
“ว้าว ดาวตกลงมาแล้ว…” เด็กน้อยร้องตะโกนชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้า
หรงเช่อและคนอื่น ๆ รู้สึกเพียงว่าแสงสว่างวาบขึ้นตรงหน้าจนมองอะไรไม่เห็นชั่วขณะ เขาชะงักไปครู่หนึ่ง
“ข้าตาฝาดไปหรือเปล่า? ทำไมข้าเห็นท่านพ่อ!!”
เขาพึมพำเบา ๆ
แต่นายหญิงใหญ่เป็นคนแรกที่รู้สึกตัว “ท่านพี่!!”
แสงสีขาวสลายไป ทิ้งไว้เพียงศาลเจ้าหลักเมืองที่ทรุดโทรมเช่นเดิม แต่เมื่อมองดูอีกครั้ง กลับรู้สึกราวกับว่าศาลเจ้าหลักเมืองแห่งนี้มีพลังวิญญาณขึ้นมา

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ให้อ่านนะคะ...
ทำไมตัดเหรียญไปแล้วแต่ตอนไม่ปลดล็อคคะ ขึ้น error แต่หักเหรียญติดแจ้งปัญหาก็ไม่ได้...
ทำไมช่วงนี้ error บ่อยจังเลยคะ...
เติมเหรียญแล้วทำไมถึงปลดล็อคไม่ได้คะ...
ทำไมปลดล็อคไม่ได้คะ...
บท 613 ไม่ลงแล้วหรือค่ะ...
ไม่ลงต่อแล้วเหรอคะ...
อ่านบทที่ 613 กันที่ไหนคะ...
รอค่ะ แต่ช้าจัง สนุก รอค่ะ...
รอตอนต่อไปค่าา...