ได้รับเมตตาจากรัชทายาท อย่างน้อยๆ คนพวกนั้นคงไม่กล้าทำอะไรเจาเจาอีก
รัชทายาทไม่ได้อยู่นาน ลู่หย่วนเจ๋อไม่ทันได้ประจบสอพลอตามที่ตนเองต้องการ ทำได้เพียงไปส่งรัชทายาทที่หน้าจวนด้วยตัวเองเท่านั้น
งานเลี้ยงรับขวัญเดือนของลู่เจาเจานั้นยิ่งใหญ่มาก สวี่ซื่อยังเปิดโรงทานบริจาคอาหารเป็นเวลาสามวันเพื่อสร้างกุศลให้นาง
ตกกลางคืนเมื่อแขกเหรื่อกลับไปหมดแล้ว เหลือเพียงลู่หย่วนเจ๋อที่เก็บงำความกังวลไว้ใต้ใบหน้า
“เจาเจาเพิ่งจะครบเดือน เจ้าจัดงานเสียใหญ่โตและโอ้อวดขนาดนี้ ระวังจะเป็นการตัดรอนบุญกุศลของนางนะ” สีหน้าของลู่หย่วนเจ๋อดูจะหงุดหงิดเล็กน้อย
สีหน้าของสวี่ซื่อหม่นลงทันที
“ท่านโหวพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
“เจาเจาเป็นทายาทหญิงสายตรงเพียงหนึ่งเดียวของจวนจงหย่งโหว เป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของตระกูลสวี่ บุตรีที่ชอบด้วยกฎหมาย มิใช่ลูกนอกสมรสที่โสมม จัดงานรับขวัญให้ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรี จะเป็นเช่นไรหรือ” คิ้วของสวี่ซื่อสลดลงเล็กน้อย คำพูดของนางทำให้ลู่หย่วนเจ๋อกำหมัดแน่นอยู่ข้างลำตัว
ลูกนอกสมรสที่โสมม
ทุกคำพูดเหยียบย่ำลงบนหัวใจของเขา
สวี่ซื่อรู้ว่านางไม่ควรพูดจาเหน็บแนมเขา แต่นางอดไม่ได้จริงๆ อยากยั่วโมโหเขาบ้าง
ลู่หย่วนเจ๋อไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องระงับความโกรธของตน
แขกเหรื่อที่ได้รับเชิญมาในวันนี้ล้วนเป็นชนชั้นสูงในเมืองหลวง บรรดาขุนนางเก่าแก่ที่ไม่ค่อยจะเอื้ออารีต่อเขา วันนี้กลับให้เกียรติเขาขึ้นมาบ้าง
เปลือกตาของลู่หย่วนเจ๋อกระตุก
“อวิ๋นเหนียง ข้าไม่ได้ตำหนิเจ้า ข้าแค่เกรงว่าจวนโหวจัดงานใหญ่โตเกินไป จะทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัยเอาได้” ลู่หย่วนเจ๋อเห็นงานเลี้ยงรับขวัญเดือนที่จัดขึ้นในวันนี้ ก็อดจะนึกถึงลู่จิ่งเหยาที่อายุครบเดือนเหมือนกันไม่ได้
ทั้งคู่ต่างก็เป็นลูกสาวของเขา แล้วต่างก็มีงานเลี้ยงรับขวัญเดือนเหมือนกัน งานของลู่เจาเจานั้นยิ่งใหญ่หรูหรา
แต่งานของลู่จิ่งเหยากลับต้องหลบซ่อนอยู่ในบ้านหลังเล็ก ไม่แม้กระทั่งจะกล้าจัดงานอย่างออกหน้าออกตา
เขารู้สึกผิดต่อลูกสาวจริงๆ
“งานของลูกชายสามคนแรกล้วนจัดแบบเรียบง่าย แต่งานของเจาเจานั้นจัดอย่างยิ่งใหญ่ แต่ก็แค่งานเลี้ยงรับขวัญเท่านั้น” สวี่ซื่อเหยียดยิ้มและไม่พูดอะไรต่อ แต่ในใจเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์