หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 166

และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ฮ่องเต้องค์ก่อนสิ้นพระชนม์ในวันที่เขากำเนิดออกมา

ในปีเดียวกันนั้น เป่ยเจายังประสบกับภัยแล้ง

สิ่งนั้นบังคับให้เซวียนผิงตี้ส่งเขาไปที่วัดฮู่กั๋วเพื่อบวชเป็นสามเณร เพื่อรักษาโชคชะตา

โชคดีที่เซวียนผิงตี้ไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญา ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาจะต้องถูกสังเวยให้กับชะตากรรมของเป่ยเจาอย่างแน่นอน

“ฮือ...”

“หยุดร้องไห้เถิด หยุดร้องไห้ นำเครื่องเสวยเข้ามา” ฮ่องเต้เห็นว่าดวงตาของนางบวมเล็กน้อยจากการร้องไห้ และกลัวว่าบรรพบุรุษจะเข้าฝันในตอนดึก

เขาจึงรีบให้ห้องเครื่องนำเครื่องเสวยเข้ามามากมาย

“เสด็จพ่อบอกว่าเจ้าต้องชอบเป็ดแปดสมบัติรสหวานนี่อย่างแน่นอน ก็เลยเชิญเจ้ามาชิมที่วังน่ะ” เมื่อเห็นว่าพี่น้องตระกูลลู่ยืนตัวเกร็ง เขาจึงเดินเข้าไปชวนทานมื้อเย็นด้วยกัน

ลู่หยวนเซียวเดาว่าเป็นอย่างนั้น

แต่พี่รองกลับรู้สึกอิจฉาตาร้อน

เพราะรัชทายาทตักกับข้าวให้กับเจาเจาด้วยตนเอง

ใบหน้าเล็กของเจาเจาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำจากการร้องไห้

รัชทายาททำหน้าที่เป็นผู้ดูแลและแบ่งปันชีวิตกัน ดังนั้นเขาจึงสามารถสัมผัสอารมณ์ของลู่เจาเจาได้เป็นอย่างดี

สำหรับคนใหญ่อาจไม่ใช่เรื่องน่าพูดถึง

แต่สำหรับเด็กมันเป็นเรื่องใหญ่

นางอาลัยอาวรณ์ข้าวของสุนัขชามนั้นเหลือเกิน

รัชทายาทพลันหยิบตะเกียบเงินขึ้นมา ก่อนจะคีบอาหารป้อนเข้าปากลู่เจาเจาภายใต้สายตาตกตะลึงของหวังกงกง

“หืม กินไปร้องไห้ไปแบบนี้จะสำลักเอานะ ลองกินเครื่องเสวยนี่สิ...” รัชทายาทเกลี้ยกล่อมนางอย่างไม่ได้ดูเข้มงวดเช่นข่าวลือที่เล่าต่อกันมา

ฮ่องเต้ไม่แปลกใจกับเรื่องนี้มากนัก

อาการของไทเฮาหายดีแล้ว หมอหลวงยังบอกว่ามันคือปาฏิหาริย์

ไทเฮายังแอบกระซิบบอกกับเขาอีกว่านางกินข้าวได้สามชามต่อหนึ่งมื้อ และรู้สึกว่ามีพลังอย่างไร้สิ้นสุดในร่างกาย

ฮ่องเต้พยายามปิดข่าวนั้นอย่างดีที่สุด

เฮ้อ น่าอิจฉาเหลือเกิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์