สวี่ซื่อเช็ดน้ำตา และส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา “สมควรแล้ว!” แต่แววตาก็ยังแสดงออกว่ารู้สึกรับไม่ได้ และยังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ จะทำอย่างไรก็ระงับเอาไว้ไม่อยู่
ถ้าถามว่าแค้นไหม?
ตอบเลยว่านางแค้นอย่างมาก
จะไม่แค้นได้อย่างไรเล่า
ตั้งแต่นางเข้าพิธีเกล้าผมปักปิ่น ในสายตาของนางก็มีเพียงแค่เขาเท่านั้น ถึงกระทั่งที่ยอมตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเดิมของตัวเองเพื่อที่จะอยู่กับเขาเท่านั้น ใจนางไม่อยากยอมรับ นางจะตัดใจอย่างไรดี?
“ฮูหยิน ท่านโหวกลับมาถึงจวนแล้วเจ้าค่ะ และกำลังมุ่งหน้าไปที่หอเต๋อซั่น ขอเชิญท่านไปพบด้วยเจ้าค่ะ” เสียงจากสาวใช้ที่อยู่ข้างนอกประตูดังเข้ามา
สวี่ซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่วนเติงจือก็คิ้วกระตุกเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าท่านโหวถูกฟ้าผ่าจนมีสภาพเป็นเช่นไร
“พาเจาเจาไปดูด้วยกันเถอะ” สวี่ซื่อลุกขึ้นยื่น จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่หอเต๋อซั่น
หอเต๋อซั่นตั้งอยู่ทางตะวันออกของจวนจงหย่งโหว นายหญิงใหญ่ชอบความสงบจึงสร้างโบสถ์เอาไว้ที่ลานทางตะวันออก ปกติจะปิดหูปิดตาไม่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องภายนอก มุ่งแต่ทางธรรม
เมื่อเดินผ่านทะเลสาบภายในจวนไป และเดินไปตามทางเดินยาวๆ ก็จะเป็นที่ตั้งของหอเต๋อซั่นแล้ว
[อา เหมือนจะมีกลิ่นไหม้ ๆ] เสี่ยวเจาเจาขยับจมูกดม ในอากาศเหมือนมีกลิ่นไหม้อ่อน ๆ
ยิ่งเดินเข้าใกล้หอเต๋อซั่นกลิ่นก็ยิ่งเด่นชัด
ประจวบเหมาะกับที่อิ้งเสวี่ยมาอุ้มนางตั้งตรงเอาไว้สองนาที ดวงตาของลู่เจาเจาก็เบิกกว้าง [ไข่พะโล้ตุ๋นใบนี้ใหญ่มาก!! สูดเข้าไป...] นางสูดน้ำลายอย่างแรงหลายที
สวี่ซื่อชะงักไปเล็กน้อย และเงยหน้ามองไข่พะโล้ตุ๋นนั้นทันที
ก็เห็นเพียงคนศีรษะดำ ๆ หัวล้าน ๆ นั่งอยู่ตรงกลางห้อง ไม่มีเส้นผมสักเส้นเดียว ศีรษะล้านเกลี้ยงไหม้จนเกรียมเป็นสีดำ
ชายหนุ่มที่หล่อเหลาอย่างมากในดวงใจนาง ชายหนุ่มที่ทำให้นางไม่อาจละทิ้งไปได้มาโดยตลอด...
ดูเหมือนว่าจะพังทลายลงในชั่วพริบตา
สวี่ซื่อตกตะลึงอยู่ตรงนั้น ถึงกระทั่งที่ไม่มีเสียงตอบสนองอะไรเลยแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์