สวี่ซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย และสีหน้าก็ดูเหมือนจะเหนื่อยล้าเล็กน้อย
“ฝ่าบาทเข้าใจตระกูลสวี่ผิดไป จึงเพิ่มตำแหน่งให้พี่ใหญ่น่ะ” ใบหน้านางตอนพูดแฝงไปด้วยรอยยิ้ม และเมื่อมองอย่างละเอียดดูก็พบว่าดวงตาของลู่หย่วนเจ๋อแอบมีความเกลียดชังแวบขึ้นมาให้เห็น
“ไม่รู้ว่าใครเป็นคนไปรายงานว่าที่ต้นไม้ที่ลำต้นเบี้ยวคดโค้งในตระกูลสวี่มีของอาคมมืดอยู่”
“ไหนเลยจะมีหุ่นไม้อาคมมืดอะไรได้ มีแต่ความรักชาติของตระกูลสวี่เท่านั้นที่ฝังอยู่ข้างในน่ะสิ...” สวี่ซื่อทำเป็นอุบเรื่องสำคัญเอาไว้
หัวใจของลู่หย่วนเจ๋อเหมือนจะหายวาบขึ้นมาอีกครั้ง
“ฝังอะไรหรือ?” น้ำเสียงของเขาเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย
“ก็ฝังความจงรักภักดีของตระกูลสวี่ที่ยอมอุทิศทุกอย่างเพื่อรับใช้ราชสำนักไว้น่ะสิ” หลังจากสวี่ซื่อพูดจบ สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังก็พูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค
“พวกเราต้องขอบคุณคนที่ไปรายงานเสียด้วยซ้ำ มิฉะนั้นตระกูลสวี่จะมีเรื่องโชคดีแบบนี้ได้หรือ? นายท่านใหญ่ได้เลื่อนขั้นไปเป็นขุนนางขั้นสอง นี่เร็วกว่าการเลื่อนตำแหน่งของนายท่านผู้เฒ่าเสียอีก ตระกูลสวี่จะกลับมาตั้งตัวได้ใหม่อีกครั้งแล้วเจ้าค่ะ” เจวี๋ยซย่าเหลือบมองไปที่จงหย่งโหวเล็กน้อย
จงหย่งโหวสีหน้าซีดขาวทันที และกำหมัดแน่น พยายามอดทนต่อการโจมตีเข้ามากะทันหันนี่
“จริง ช่างเป็นเรื่องที่โชคดีจริง ๆ” เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เล็กน้อย
“นั่นไม่ใช่ความโชคดีทั้งหมดนะเจ้าคะ ฮูหยินของพวกเราก็ได้รับพระราชทานรางวัลจากฝ่าบาทด้วย ได้เป็นฮูหยินตราตั้งขั้นสาม พรุ่งนี้เช้าจะมีพระราชโองการลงมา” อิ้งเสวี่ยเชิดหน้าเย่อหยิ่งใส่ ฮูหยินของนางมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมืองหลวงตั้งแต่ยังเยาว์วัยแล้ว
ถ้าหากไม่ใช่เพราะถูกลู่หย่วนเจ๋อมาบดบังรัศมีอยู่ตลอด ไหนเลยจะกลายเป็นคนที่ทำอะไรตามคนอื่นเช่นนี้ได้
ครั้งนี้ลู่หย่วนเจ๋อดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว
“ท่านโหวก็รับราชการอยู่ในราชสำนัก อวิ๋นเหนียงก็ไม่กล้าเป็นตัวถ่วงได้หรอกเจ้าค่ะ”
[เขาอิจฉาแล้วเขาอิจฉาแล้ว]
[ท่านพ่อตามีสถานะสูงกว่าพวกเขา แม้แต่ภรรยายังมีขั้นที่สูงกว่าเขา ฮ่า ๆ ๆ ๆ เขาอิจฉาจนตาแดงไปหมดแล้ว] ลู่เจาเจาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งในใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์