[แถมยังมอบโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้ตระกูลสวี่อีก สมน้ำหน้าๆ ฮ่า ๆ ๆ] เด็กน้อยพูดแขวะไม่หยุด ทำให้ความหดหู่ใจจากก้นบึ้งของหัวใจของสวี่ซื่อหายไปเล็กน้อย
สวี่ซื่อกลับจวนได้ไม่นาน
ลู่หว่านอี้ก็มาส่งสิทธิ์การดูแลบ้านด้วยตัวเอง
“พี่สะใภ้ ในที่สุดท่านก็กลับจวนมาแล้ว นี่...อำนาจการดูแลจวน ข้าไม่ได้อยากแย่งนะ แต่เป็นพี่ใหญ่ที่บังคับยัดมาให้” นางอธิบายด้วยท่าทางลำบากใจ และก็พูดพึมพำด้วยดวงตาแดงก่ำ
สวี่ซื่อเอ็นดูนางจากใจจริง ตอนที่นางแต่งเข้ามา ลู่หว่านอี้เพิ่งมีอายุได้เพียงสามขวบเท่านั้น
ตอนนั้นนายท่านใหญ่สุขภาพไม่ดีนัก นายหญิงใหญ่ก็เอาแต่เฝ้าปรนนิบัติทั้งคืน
ลู่หว่านอี้จึงมานอนอยู่ในห้องนาง และเป็นนางที่กล่อมเข้านอนทุกคืน
“ข้าจะโทษเจ้าได้อย่างไร พวกเราสนิทกันเหมือนดั่งแม่ลูก ข้าจะไม่รู้หรือว่าเจ้าเป็นคนเช่นไร?” นางเห็นลู่หว่านอี้มือเย็นๆ จึงตั้งใจยกชาหนึ่งถ้วยมาให้นางอุ่นร่างกาย
ลู่หว่านอี้ชอบชาหลงจิ่งก่อนช่วงฝนตกมากที่สุด
ลู่หว่านอี้ทำท่าทีโกรธฮึดฮัดขึ้นมา “พี่ใหญ่ไม่แยกแยะถูกผิดก่อนก็มาโทษพี่สะใภ้ กลับไปข้าจะคิดบัญชีกับเขา!”
“ถ้าหากเขากล้ารังแกท่าน ข้าก็ไม่รับเขาเป็นพี่ชายแล้ว!” ท่าทางโกรธของนาง ทำให้หัวใจของสวี่ซื่อรู้สึกอบอุ่น
ตระกูลลู่นี้ คงมีเพียงแค่ลู่หว่านอี้เท่านั้นที่จริงใจต่อนางอย่างแท้จริงกระมัง?
“พี่ใหญ่ของเจ้า ในใจเขามีข้าอยู่จริง ๆ หรือเปล่า?” สวี่ซื่อตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ และบ่นพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว
ลู่หว่านอี้ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงตัวสวี่ซื่ออย่างสนิทสนม
“พี่สะใภ้ แม้ว่าพี่ชายของข้าจะเลวไปเล็กน้อย แต่เขาก็จริงใจต่อท่าน ในปีนั้นเขาไปคุกเข่าอยู่ที่หน้าตระกูลสวี่ตั้งสามวันสามคืน ถึงได้สู่ขอสมบัติที่ล้ำค่านี่มาได้”
“ท่านดูสิผ่านมาหลายปีแล้ว ข้างกายเขาไม่มีสาว ๆ สักคน ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเขาเป็นคนคลั่งรักพี่”
“ถ้าเขาทำเรื่องไร้สาระ ข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์