“ภาพนั้นข้าไม่เคยลืมเลย และข้าก็เอ็นดูเจ้ามากกว่าลูกชายเสียอีก”
คิ้วของลู่หว่านอี้ชะงักไปเล็กน้อย ดูเหมือนจะไม่กล้ามองตานาง และพยายามเบี่ยงสายตาหลบเล็กน้อย
“ตอนนั้นข้ายังเด็ก จึงทำอะไรน่าขายขี้หน้าออกไป โชคดีที่พี่สะใภ้ปฏิบัติต่อข้าเหมือนลูกสาวแท้ ๆ” กิริยามารยาทของนางเป็นสวี่ซื่อที่สอนให้
สวี่ซื่อมองนางอย่างลึกซึ้งเล็กน้อย “จอหงวนคนใหม่ข้าจะช่วยเจ้าดูๆ ให้ แต่ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแค่พี่สะใภ้เจ้า เรื่องการแต่งงานยังต้องให้แม่ของเจ้าเป็นคนตัดสินใจ”
ลู่หว่านอี้เม้มริมฝีปากและฝืนขานรับ
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน สวี่ซื่อคงจะจัดการทั้งหมดแล้ว คงเอาภาพเหมือนของชายหนุ่มในเมืองหลวงทั้งหมดมาตรวจสอบชาติตระกูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนและก็มาวางตรงหน้านาง ให้นางได้เลือก
อำนาจตระกูลสวี่ในเมืองหลวงแค่กระดิกนิ้วก็รู้ได้ทั้งหมด ถ้าหากสวี่ซื่อช่วยเอ่ยพูดเรื่องการแต่งงาน การแต่งงานของลู่หว่านอี้ก็จะสามารถข้ามขั้นไปได้อีกขั้นแต่ตอนนี้นางกลับผลักเรื่องนี้ไปให้ท่านแม่นาง
ท่านแม่เป็นคนที่มาจากชนบทและไม่ได้รู้จักใคร จะไปหาตระกูลดีๆ ได้อย่างไร?
เมื่อลู่หว่านอี้จากออกไป สีหน้าของสวี่ซื่อก็นิ่งขรึมลงทันที
“ฮูหยิน ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ท่านบอกว่าท่านราชครูมีศิษย์ในสำนักที่มีความสามารถมากมาย จึงอยากจะแนะนำให้หว่านอี้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ?” เติงจือที่เพิ่งกลับมาจากการไปเตรียมของขวัญของวันพรุ่งนี้ที่โกดังเดินเข้ามา
“เจ้าไปตรวจสอบให้หน่อยว่า ตอนเดือนสองนางได้กลับไปคฤหาสน์ที่ชิงซีหรือไม่” ชิงซีอยู่ห่างจากเมืองหลวงสามวัน ยังไงก็สามารถตรวจสอบร่องรอยอะไรได้บ้าง
เติงจือชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ขานรับ
ระหว่างที่ทานอาหารเย็น ลู่หยวนเซียวก็กลับมาจากสำนักศึกษาพอดีและร่างกายก็เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ราวกับว่านิสัยที่ต่อต้านที่มีได้หายไปทั้งหมดแล้ว
“ท่านแม่ ข้าจะอยู่กินข้าวเป็นเพื่อนท่าน” ลู่หยวนเซียวฝืนยิ้มให้ เขาพยายามจะเรียนชดเชยช่วงที่ขาดหายไป แม้อุดมการณ์ของเขาจะมีเต็มเปี่ยม แต่ความเป็นจริงมันหนักหนามาก วันนี้เขาเรียนจนหมดแรง
“หยวนเซียวเป็นเด็กรู้ความแล้ว” เติงจือคิดในใจหากมีคุณชายสามอยู่เป็นเพื่อนด้วย ฮูหยินคงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
“ไม่รู้ว่าพี่รองของเจ้าจะกลับมาเมื่อไร” สวี่ซื่อถอนหายใจออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์