“เป็นอะไรหรือ?” เฉินซื่อมองเขาแวบหนึ่งด้วยสีหน้าเฉยเมย นางอยู่กับนายท่านสวี่สามมานานกว่าสิบปีแล้ว นายท่านสวี่สามมีแต่ความรังเกียจต่อนางเท่านั้น
นายท่านสวี่สามสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามระงับความตกใจที่เกิดขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ
น้ำเสียงดูสั่น ๆ แต่ก็ลดเสียงลงมาโดยไม่รู้ตัว และอ่อนโยนลงเล็กน้อย “ไม่เป็นไร แค่สำลักนะ” เฉินซื่อชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รินน้ำให้เขาอย่างเงียบ ๆ และก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
แววตาของลุงทั้งสามของตระกูลสวี่มองไปที่ลู่เจาเจาพร้อมกัน
ตระกูลสวี่ถูกกวาดล้างงั้นหรือ?
ลู่หย่วนเจ๋อเลี้ยงอนุไว้ข้างนอกงั้นหรือ?
ลุงทั้งสามคนมองหน้ากันหนึ่งที ต่างคนต่างเห็นความตกใจในสายตาของอีกฝ่าย
สวี่อี้ถิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ส่ายหน้าเบา ๆ และบีบกำปั้นแน่นอยู่ตลอดเวลา
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จกันแล้ว ก็ไม่ได้พักผ่อนต่อ พี่น้องทั้งหลายพากันไปที่ห้องหนังสือของท่านราชครู
“เจ้าได้ยินเสียงในใจของเจาเจาหรือไม่?”
“เจ้าได้ยินเสียงในใจของเจาเจาหรือไม่?” นายท่านรองสวี่กับนายท่านสวี่สามก็พูดออกมาพร้อมกัน
บนหน้าของท่านราชครูมีเหงื่อออกเล็กน้อย สวี่อี้ถิงกระแอมไอออกมาเบา ๆ “เกรงว่าจะมีเพียงพวกเราไม่กี่คนที่ได้ยิน”
“ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ” นายท่านสวี่สามบ่นพึมพำขึ้น
อยู่ ๆ ใบหน้าของภรรยาก็แวบขึ้นมา และก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจเล็กน้อย
ดวงตาของสวี่อี้ถิงนิ่งเฉย ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง! เรื่องที่เขาต้องการแบกรับความผิดทั้งหมดเอาไว้เขาไม่เคยบอกใครมาก่อน
“นี่เกรงว่าจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้ตระกูลสวี่ ห้ามรั่วไหลไปเด็ดขาด”
“เกรงว่าเจาเจาจะแตกต่างจากคนธรรมทั่วไป” ราชครูลูบคลำเคราตนเอง
ท่านราชครูคาดเดาว่าน่าจะเป็นคนที่มีสายเลือดเดียวกันเท่านั้นถึงจะได้ยิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์