ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 113

จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้ เมื่อเดินออกไป ก็เห็นพระเนตรที่สั่นไหวเล็กน้อยของจี้อู๋เจวี๋ยได้อย่างชัดเจน

ลู่ยุ๋นหลัวยิ้มอย่างพึงพอใจ ดูเหมือนว่าการแต่งหน้าของนางจะประสบความสำเร็จอย่างมาก

ขณะที่กำลังคิดว่าจะหมุนตัวต่อหน้าจี้อู๋เจวี๋ยและโอ้อวดเทคนิคการแต่งหน้าของตนให้ดูนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงอันเหยียดหยามของจี้อู๋เจวี๋ยดังมาเข้าหูของนาง "อัปลักษณ์จริง ๆ พวกเจ้ารีบออกมาแต่งองค์ทรงเครื่องให้นางใหม่เดี๋ยวนี้"

อะไรนะ ?

จี้อู๋เจวี๋ยพูดว่านางอัปลักษณ์งั้นเหรอ ?

ลู่ยุ๋นหลัวไม่มีทางที่จะทนไหว !

นี่เขามีตามองเห็นจริง ๆ เหรอ ?

แบบนี้เรียกว่าอัปลักษณ์ ?

เห็นเพียงแค่พระเนตรที่ลึกล้ำและเงียบครึมกวาดมองไปที่หน้าของนางและตรัสขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว "แต่งหน้าจืดเกินไป คราบสกปรกที่วาดอะไรตรงหน้าผาก ลบออกด้วย ผมเผ้าก็ทำทรงดูเรียบง่ายไป เอาปิ่นปักผมและประดับหยกที่มีก็ใช้ให้หมดด้วย"

“เพคะ ฝ่าบาท !”

หลังจากที่หลู่เวยออกมา ก็ถูกลู่ยุ๋นหลัวลากกลับเข้าไปอีกครั้ง

ลู่ยุ๋นหลัวแถบอยากจะอาเจียนออกเป็นเลือดทันที เจ้าจี้อู๋เจวี๋ยต้องจงใจรึเปล่าเนี่ย ?

มันก็ต้องจงใจอยู่แล้วสิ ?

หรือไม่ก็ตาของเขาต้องมีอะไรผิดปกติสักอย่างแน่นอน !

ตัวเองชอบชุดที่ส่องแสงทองระยิบระยับและประดับไปด้วยอัญมณีพวกนั้น เอาอะไรมาตัดสินให้นางต้องมาแต่งแบบนั้นด้วย ?

ฮือ ๆ ๆ ... ข้าไม่เอาด้วยหรอก !

น่าเสียดายที่การขัดขืนของนางไม่ได้ผล จนในที่สุดก็ถูกนางข้าหลวงแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ตามคามต้องการพระหฤทัยของฝ่าบาทอีกครั้ง

ลู่ยุ๋นหลัวจ้องไปที่บนศีรษะที่หนักอึ้งและต่อให้ตายนางก็จะต้องปกป้องชาดกลีบดอกไม้บนหน้าผากของนางให้ได้

นี่คือการประชาสัมพันธ์เครื่องสำอางของนางที่นางต้องการ นางจะไม่มีวันให้ถูกลบออกเป็นอันขาด

ด้วยเหตุนี้ หญิงสาวที่สวยสดงดงามพริบตาเดียวก็ถูกเปลี่ยนเป็นนายหญิงสง่างามเลอโฉมด้วยเสน่ห์อันโดดเด่นและรัศมีอันน่าเกรงขาม กิริยาและบรรยากาศที่แผ่ออกมาแถบจะไม่ต่างกับฮ่องเฮาเลยแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม จี้อู๋เจวี๋ยก็ยังคงทรงดูไม่พอพระทัย พระเนตรของเขายังคงทรงจับจ้องไปที่รอยชาดกลีบดอกไม้บนหน้าผากของลู่ยุ๋นหลัว มักจะรู้สึกตลอดว่าสีแดงสดนั้นดูขัดตาเป็นอย่างมาก

ยังไม่ทันจะได้ตรัสพูดอะไร ลู่ยุ๋นหลัวก็เอามือข้างหนึ่งปิดหน้าผากของนางแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว "ฝ่าบาท หม่อมฉันยังต้องจัดเตรียมของขวัญวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระพันปีหลวงเพคะ ดังนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อน"

หลังจากทูลจบ ก็รีบเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวจะถูกจี้อู๋เจวี๋ยทรงเรียกหยุดเอาไว้

โชคดีที่จี้อู๋เจวี๋ยทรงเรียกแค่นางข้าหลวงไม่กี่นางเดินตามไปเท่านั้น

ก่อนหน้าที่ลู่ยุ๋นหลัวจะมาที่นี่ นางก็หยิบของขวัญวันเฉลิมพระชนมพรรษาที่จะถวายแก่พระพันปีหลวงเมื่อวานนี้ใส่ในมิติพิเศษและนำออกมาวางไว้ในห้องปรุงพระกระยาอาหารแล้ว

และได้อธิบายรับสั่งไว้ตั้งนานแล้ว

เมื่อตอนที่นางมาที่นี่ ขันทีเฉิงก็ได้ทำทุกอย่างเตรียมพร้อมให้นางไว้หมดแล้ว

โดยวางไว้บนรถเข็น

และถูกคลุมไว้ด้วยผ้าสีแดงและยังคงมีไอร้อนจาง ๆ ทะลุผ้าสีแดงออกมา

เมื่อตอนที่ขันทีเฉิงและคนอื่น ๆ หยิบออกมาใส่หม้อร้อนและยกผ้าสีแดงออก ทุกคนในห้องปรุงพระกระยาอาหารก็ต้องตกตะลึงกับของขวัญเฉลิมพระชนมพรรษานี้

เมื่อลู่ยุ๋นหลัวเห็นว่าทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ก็ขอให้ขันทีเฉิงเลือกคนมาสองคนเพื่อนำของขวัญวันเฉลิมพระชนมพรรษามาที่ตำหนักซินหยาง

เนื่องจากเหตุฝนตกหนัก ทำให้ตอนนี้ห้องปรุงพระกระยาอาหารไม่ต้องปรุงถวายพระกระยาหารอีก ขันทีเฉิงได้พาเสี่ยวลี่จึและขันทีอีกคนหนึ่งเข็นรถเข็นนี้ไปที่ตำหนักซินหยางด้วยตัวเอง

ขณะที่ลู่ยุ๋นหลัวมาถึงตำหนักซินหยางก็บังเอิญพบกับเหยากุ้ยเหรินที่ปากประตูพอดี

หลังจากฝนหยุดตก เหยากุ้ยเหรินก็กลับไปที่วังหลีเซี๋ยเพื่อแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่อีกครั้ง

นางเดินด้วยท่วงท่าที่ตัวตรงสูงสง่าน ไม่มีท่าที่จนตรอกตอนเมื่อครั้งที่ฝนตกตอนนั้นเหลืออยู่แม้แต่น้อย

ต้องบอกว่าจิตใจของเหยากุ้ยเหรินคนนี้ไม่เลวเลยทีเดียว

ถ้าเป็นแม่นางที่อาศัยอยู่แต่ในห้องและต้องมาสร้างความอัปยศต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ ก็คงไปซ่อนตัวเองและร้องไห้ไปนานแล้ว ไม่มีทางที่กล้าจะออกมาข้างนอกอีก

เมื่อนางเห็นการแต่งหน้าของลู่ยุ๋นหลัว ความประหลาดใจก็ฉายผ่านดวงตาอันอ่อนโยนของนาง จากนั้นนางก็ยิ้มเยาะพูดด้วยขึ้นมา "ไม่คิดมาก่อนว่าการแต่งหน้าของเสด็จพี่จะดูดีได้ถึงขั้นนี้ ไม่ทราบว่าตอนยามว่างของเสด็จพี่พอจะมาสอนเสด็จน้องผู้นี้สักหน่อยได้รึไม่ เสด็จน้องอย่างข้าช่างชื่นชมการแต่งหน้าของท่านยิ่งนัก”

เหยากุ้ยเหรินพูดจาดูเนิบนาบและอ่อนโยนเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง เหมือนกับพี่สาวน้องสาวที่บังเอิญเจอกันข้างนอกและสนทนากันอย่างใดอย่างนั้น

ลู่ยุ๋นหลัวก็ได้แต่ถอนหายใจกับการแสดงอันเป็นธรรมชาติของเหยากุ้ยเหริน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น