ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 112

ลู่ยุ๋นหลัวไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดฝีเท้าและยิ้มด้วยสีหน้าที่ประจบขึ้นมา "อ้าว บังเอิญจังเพคะ ที่แท้ฝ่าบาทก็อยู่ที่นี่ด้วย ฮิ ๆ ๆ บังเอิญจัง..."

ขณะที่นางพูดนั้น ลู่ยุ๋นหลัวก็แอบชำเลืองมองทั้งสองคน เห็นได้ชัด โดยไม่รู้ว่าทั้งสองคนกำลังพูดถึงอะไร ดังนั้นนางจึงพูดต่อ "งั้น ข้าไม่รบกวนพวกท่านแล้ว พวกท่านเชิญเสวนากันต่อ.."

เมื่อพูดจบก็หันหลังกลับและเตรียมจากไปทันที

ขณะเดินออกไปได้แค่สองก้าว คอเสื้อที่อยู่ด้านหลังก็ถูกจี้อู๋เจวี๋ยคว้าเอาไว้อย่างไร้ปราณี "ในเมื่อมาแล้ว ก็ไปกับข้าที่ตำหนักซินหยางหน่อยสิ"

“ฝ่าบาท เกรงว่าจะไม่เหมาะสมรึเปล่าเพคะ ?” นางตอนนี้ยังสวมอยู่ในชุดขันทีอยู่

“มีอะไรไม่เหมาะสม ? ข้าก็เห็นอยู่ว่าตอนงานเลี้ยงที่เรือนในสวน เจ้าก็ยังดี ๆ อยู่ไม่ใช่รึ ?” สายพระเนตรที่ทรงมองมาอย่างเย็นเชียบ ก็ทำให้ลู่ยุ๋นหลัวตัวสั่นขึ้นมาเพราะสายพระเนตรที่เย็นชานั้น

ที่แท้ตัวตนของนางก็ถูกเปิดเผยมองออกตั้งแต่แรกแล้ว ?

โชคของนางโคตรซวยเลย

ในท้ายที่สุดลู่ยุ๋นหลัวก็ถูกจี้อู๋เจวี๋ยคว้าขอเสื้อลากจากไปทั้งอย่างนั้น

ท่านอ๋องเฉินเฝ้ามองไปที่ด้านหลังของพวกเขาที่กำลังจากไปและมองอยู่เป็นเวลานานโดยไม่ละสายตา

ลู่ยุ๋นหลัวถูกจี้อู๋เจวี๋ยทรงพากลับไปยังตำหนักซู่ซิน จากนั้นก็ให้นางข้าหลวงจัดแต่งทรงเครื่องให้นางใหม่ทั้งหมด

ด้วยเหตุนี้ ลู่ยุ๋นหลัวจึงถูกหลู่เวยและนางข้าหลวงอีกไม่กี่คนจัดแต่งทรงเครื่องให้ใหม่ จากสภาพใบหน้าที่จืดชืดหมองคล้ำของขันทีก็ถูกเปลี่ยนกลายเป็นนายหญิงที่มีบรรยากาศของไข่มุกแวววาวและทองผ่องอำพันที่สะท้อนแสงเรืองรอง

เมื่อลู่ยุ๋นหลัวมองไปที่กระจกทองสัมฤทธิ์ก็เห็นปิ่นปักผมและประดับหยกที่หนักอึ้งจนเต็มหัว รวมถึงชั้นแป้งสีขาวหนาบนหน้าที่ทำเอาปวดหัวขึ้นมาจริง ๆ

ไม่ใช่ว่านางอยากจะพูดนัก แต่นางข้าหลวงที่ตำหนักซู่ซินของจี้อู๋เจวี๋ยนั้นฝีมือการแต่งหน้าไม่เข้าขั้นเอาจริง ๆ ยังแต่งให้งามสู้กับผีมือของหยินซวางยังไม่ได้เลย

หากไม่ใช่เพราะเห็นสีหน้าที่มีความสุขของหลู่เว่ยและนางข้าหลวงคนอื่น ๆ ที่ดูไม่เหมือนกับการเสแสร้งเลยแม้แต่น้อยขณะแต่งหน้า นางก็คงสงสัยว่ากำลังถูกจัดการให้เป็นแบบนี้อยู่ก็เป็นได้

เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางก็ถอดเครื่องประดับที่เต็มศีรษะลงออกมา

ให้มีแสงทองประกายวิบวับบนศีรษะของนางจนคนอื่นมาคอยเห็นและหัวเราะ นางไม่มีทางยอมเป็นอันขาด

เครื่องสำอางบนใบหน้าก็ถูกล้างออกจนหมดเช่นกัน จากนั้นก็หยิบเครื่องสำอางของตัวเองออกมาจากบริเวณอก แล้วเริ่มแต่งหน้าใหม่อีกครั้ง

ผ่านไปไม่นาน หญิงสาวที่ปรากฏบนกระจกทองสัมฤทธิ์ก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ลู่ยุ๋นหลัวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ใช้พู่กันและสีแดงเพื่อวาดชาดกลีบดอกไม้บนหน้าผากตรงหว่างคิ้วของนาง วันนี้ผู้สูงศักดิ์ฝ่ายหญิงเกือบทั้งหมดไม่ว่าจะฐานะไหนในเมืองหลวงก็ล้วนมาร่วมทั้งสิ้น อีกอย่างนางก็เพิ่งได้ประชาสัมพันธ์เครื่องสำอางของนางเองออกไป ยังไงนางก็ต้องออกมาเป็นหน้าเป็นตาให้กับร้านค้าของนางเอง ไม่ว่าจะทำอะไรอย่างน้อยก็ต้องเอาผลิตภัณฑ์ตนเองออกมาใช้สักหน่อย ถ้าอยากให้แผนกเสริมความงามของตำหนักเย็นมีชื่อเสียงลือกระฉ่อน การแต่งหน้าอันตื่นตะลึงก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

หลังจากแต่งหน้าเสร็จแล้ว ลู่ยุ๋นหลัวก็ส่องมองกระจกด้วยความพึงพอใจ นี่ถึงจะเป็นนางลู่ยุ๋นหลัวสินะ

ไม่มีคราบของความงามหรูหราอู้ฟู่เมื่อสักครู่เหลืออยู่เลย ตรงกันข้าม กลับเป็นความงามที่พร่างพราวที่งดงามถึงขีดสุด !

ที่แท้ก็สามารถแต่งหน้าแบบนี้ได้ !

หลู่เวยและนางข้าหลวงอีกไม่กี่นางมองไปที่ลู่ยุ๋นหลัวด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง

"ทำผมให้ข้าทรงเรียบง่ายก็พอแล้ว และก็ปิ่นปักผมพวกนั้นปักให้น้อยหน่อย มันหนักเกินไป" ลู่ยุ๋นหลัวมองไปที่ปิ่นปักผมสีทองแวววาวและประดับหยกบนโต๊ะด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ

ของพวกนี้ถ้าเอาไปขายทำเงินคงจะดีกว่ามาก ทำไมต้องเอาใส่บนหัว ไม่ต้องพูดถึงความหนัก แค่หันหน้าคอก็แถบจะถูกกดจนจะพังอยู่แล้ว ได้ไม่คุ้มเสียเลยจริง ๆ

หลู่เวยเม้มริมฝีปากแล้วยิ้ม "ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินว่านายหญิงไม่ชอบใจกับปิ่นปักผมที่หนักพวกนี้"

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงงานเลี้ยงวันนี้เลย แม้แต่ในวันธรรมดาของนายหญิง ก็ล้วนแทบอยากจะเอาเครื่องประดับพวกนี้มาใส่ทั้งสิ้น มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ที่จะสามารถแสดงยศถาบรรดาศักดิ์อันสูงส่งของตนเองได้

ในท้ายที่สุด ตามคำขอของลู่ยุ๋นหลัว หลู่เวยก็ยอมทำทรงผมที่ธรรมดาพบได้ทั่วไปให้กับลู่ยุ๋นหลัว ดูแล้วเรียบง่ายอีกทั้งยังสง่างามเป็นกันเอง เมื่อรวมกับชาดลายกลีบดอกไม้สีแดงสดบนหน้าผากของนายหญิง ก็ช่างสวยงามจนสุดยากจะพรรณนาได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น