ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 111

ถ้าไม่ใช่เพราะจิตใจที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีของฉุ่ยยวู่ฉาน นางก็แถบจะไม่มีนางข้าหลวงคนอื่นให้ใช้อีกแล้ว ถ้าไม่ใช่เหตุผลข้อนี้นางคงไล่ส่งฉุ่ยยวู่ชานคนนี้ไปตั้งนานแล้ว

“เพคะ นายหญิง !” ในตอนนี้ก็คงทำได้แค่นี้เท่านั้นแล้ว

ที่ทาแก้มแบบน้ำมากกว่า 100 ชุดใกล้จะแจกหมดในไม่ช้า และสุดท้ายผู้ที่ไม่ได้รับก็ได้แต่ทำหน้าเสียใจ

เหยากุ้ยเหรินในที่สุดก็ได้ส่วนที่เหลือของเซี่ยเหวินหลันไปใช้ เซี่ยเหวินหลันเองด้วยความเกรงใจมาก จึงเป็นคนเสนอให้กับเหยากุ้ยเหรินเอง

ทั้งสองคนดูเหมือนจะถูกชะตากัน

พายุฝนมาครั้งนี้มาอย่างรวดเร็วและไปอย่างรวดเร็ว

ฝนที่ตกหนักอยู่ด้านนอกก็หยุดลงอย่างรวดเร็ว

เฉาจงฉวนรีบนำขันทีและนางข้าหลวงอยากลุ่มหนึ่งรีบนำส่งผ้าขนหนูที่แห้งและเสื้อผ้าสะอาดจำนวนมากมา แม้ว่าเสื้อผ้านั้นอาจไม่พอดีตัว แต่ก็ยังดีกว่าสวมเสื้อผ้าที่เปียก

ห้องปรุงพระกระยาอาหารก็ต้มน้ำขิงหม้อใหญ่มาส่งอย่างรวดเร็ว

ผู้คนต่างเริ่มแต่งตัวใหม่จนดูงดงามใหม่อีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ดูดีเท่ากับตอนที่พวกเขาเข้ามาในวัง แต่อย่างน้อยก็สามารถออกไปพบผู้คนได้

ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับที่ทาแก้มชนิดน้ำ ก็ได้รับเชิญจากเหยากุ้ยเหรินให้ไปที่วังหลีเซี๋ยของนางเพื่อทำผมแต่งหน้าใหม่

จากนั้นก็มีขันทีมาเพื่อส่งข้อความ ประกาศว่างานเลี้ยงถูกย้ายไปจัดที่ตำหนักซินหยาง เนื่องจากฝนตกหนักกะทันหันและด้วยความกลัวถึงว่าทุกคนจะเป็นหวัด งานเลี้ยงจึงข้ามขั้นตอนไปที่ตอนสุดท้ายคือการถวายเฉลิมพระชนมพรรษาแก่พระพันปีหลวง

หลังจากฉลองเฉลิมพระชนมพรรษาแล้วก็สามารถออกจากวังได้แล้ว

ปีนี้งานเลี้ยงอาหารค่ำของเทศกาลไหว้พระจันทร์ถือว่าจัดออกมาได้พินาศมาก

เหล่าคุณหนูที่เตรียมการแสดงไว้ล่วงหน้าต่างก็ถอนหายใจ

เดิมทีพวกนางหวังว่าจะได้แสดงความสามารถศิลปะการแสดงของตนเองในงานเลี้ยงในวัง แต่วันนี้ดูเหมือนว่า พวกนางก็คงทำได้เพียงแค่รอครั้งหน้าเท่านั้น แค่วันนี้ไม่ออกไปหน้าแตกก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว

อีกทั้งเมื่อลู่ยุ๋นหลัวทำธุระของตนเองเสร็จก็ฉวยโอกาสนี้หลบหนีจากไป

นางยังคงอยากหารือกับท่านอ๋องเฉินเกี่ยวกับสถานการณ์ของตำหนักในในอนาคตอยู่

อาการป่วยของท่านตาของนางเองที่ไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่วันเดียว นางเองก็คงไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในวังได้

ณ ข้างทะเลสาบหลิงหยาน

ท่านอ๋องเฉินแต่งกายด้วยกชุดขาวราวกับหิมะ คิ้วและดวงตาของเขาอบอุ่นราวกับหยก สง่างามและหล่อเหลายากสุดจะพรรณนา

อีกด้านหนึ่งคือจี้อู๋เจวี๋ยที่ทรงยืนเอาพระหัตถ์ไพล่หลังยืนประทับอยู่ พระสรีระอันสูงสง่าตรงราวกับต้นสน พระพักต์หล่อเหลาที่น่าเกรงขามอันเย็นชาราวกับน้ำแข็ง พระเนตรสีนิลกาฬของเขาราวกับแอ่งน้ำอันหนาวเย็นนับหมื่นปีที่ยากจะหยั่งลึกถึงก้นบึ้ง ทั้งร่างกายของเขาก็ยังทรงมีบรรยากาศขององค์จักรพรรดิที่ปล่อยอยู่ออกมา

ตั้งแต่ฝนตกหนักหยุดลง ทั้งสองก็ยืนอยู่ริมทะเลสาบเป็นเวลานาน

ลมเย็นหลังฝนตกเมื่อพัดผ่าน เสื้อผ้าของทั้งสองก็พลิ้วไหว มีความรู้สึกราวกับแฝงความหมายของเผชิญหน้าอันยากที่จะอธิบายได้

พระเนตรอันเย็นชาของจี้อู๋เจวี๋ยก็กวาดไปยังเงาสีขาวร่างนั้น โดยแฝงนัยยะของอันตรายและคำเตือนในสายพระเนตรของเขา "เสด็จลุงสาม ท่านได้ละเมิดกฎเกณฑ์แล้ว"

ท่านอ๋องเฉินละสายตาจากทะเลสาบและหันไปมองจี้อู๋เจวี๋ยที่อายุน้อยกว่าเขาเพียงห้าปี ดวงตาของเขาเย็นชาและเป็นประกาย "ข้าไม่ทราบว่าฝ่าบาทกำลังตรัสถึงอะไรอยู่ !"

พระเนตรของจี้อู๋เจวี๋ยก็สั่นไหวอย่างเย็นชา งั้นก็ได้ จะเสแสร้งกับเขาใช่ไหม ?

“ขันทีคนนั้นที่อยู่ข้าง ๆ ท่าน เป็นท่านที่หานางพบก่อนหรือนางหาท่านพบก่อน ?”

สิ่งนี้สำคัญมากสำหรับเขา

ยังไม่ทันที่ท่านอ๋องเฉินจะทูลตอบ ก็มีเสียงของลู่ยุ๋นหลัวดังมาจากที่ไกล ๆ "เสด็จลุงสาม !"

ลู่ยุ๋นหลัวค้นหาไปรอบ ๆ ที่นี่เป็นเวลาเกือบค่อนวัน ในที่สุดก็เห็นร่างเงาสีขาว ดังนั้นนางจึงโบกมือให้ท่านอ๋องเฉินอย่างตื่นเต้นจากตั้งแต่ที่ไกล ๆ

เมื่อเข้าไปใกล้และไม่มีต้นไม้ใหญ่บัง ร่างสีม่วงอีกร่างก็ปรากฏต่อหน้าต่อตานางเช่นกัน

นางเบรกแถบจะหยุดในกะทันหัน

ชิบหายละ !

ทำไมจี้อู๋เจวี๋ยถึงมาอยู่ที่นี่ ?

โอ้พระเจ้า !

ทำไมสีหน้าของจี้อู๋เจวี๋ยถึงได้ดูหน้ากลัวขนาดนี้ ?

จบแล้ว จบแล้ว !

แถบไม่ต้องมีอะไรให้ลังเล ลู่ยุ๋นหลัวรู้จักเอาตัวรอดอย่างดีรีบหันหลังกลับเตรียมเดินจากไป

ถ้าไม่ไปตอนนี้จะให้ไปตอนไหน ?

นางรีบเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะหายไปจากสายตาของพวกเขาทั้งสองให้ได้มากที่สุด

"ทำไมล่ะ ทำไมสนมคนโปรดของข้าพอเห็นข้าก็ถึงจะรีบจากไปแล้วล่ะ" ที่ด้านหลังก็ได้ยินเสียงดังขึ้นของจี้อู๋เจวี๋ยที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงของความโกรธ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น