ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 110

ลู่ยุ๋นหลัวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็พูดต่อ "ของทาแก้มชนิดน้ำพวกนี้ที่เอามาแจกพวกเจ้าได้โดยไม่คิดเงินคือของที่ผลิตจากแผนกเสริมความงามของตำหนักเย็น หลังจากนี้ไม่นาน ผลิตภัณฑ์ใหม่ก็จะเปิดตัว สามารถใช้งานได้ระยะยาวและยังทำให้ผิวของเจ้าเรียบเนียนและชุ่มชื้นขึ้น และข้าหวังว่าพวกเจ้าจะช่วยบอกต่อและแนะนำสินค้านี้ให้ข้าด้วย"

“ไม่ต้องกังวล ถ้าใช้ดีขึ้นมา ข้าคนนี้จะช่วยเอาไปแนะนำให้เป็นคนแรกเลย” คนที่พูดคือคนที่ต่อแถวอยู่ด้านหน้านามหวังไฉ่ซวน

“ข้าก็สนับสนุนด้วย” ด้านหลังของหวังไฉ่ซวนก็คือเจียงจึหรูก็พูดสนับสนุนมาเช่นกัน

การได้มาผูกพันกับเทพธิดาอย่างนาง นางก็มีมีความสุขมากแล้ว

หลายผู้คนยังแสดงออกมาว่าถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากตำหนักเย็น ยังไงก็ต้องสนับสนุนและเอาไปแนะนำต่ออย่างแน่นอน

ลู่ยุ๋นหลัวไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระอะไรต่อ หลังจากการประชาสัมพันธ์จบลง นางก็เริ่มแจกจ่ายสิ่งของในทันที

วังไฉ่ซวนที่อยู่ด้านล่าง จู่ ๆ ก็มองไปที่ลู่ยุ๋นหลัวอย่างสงสัย และก็แอบสะกิดเจียงจึหรูที่อยู่ด้านหลังเพื่อถาม "เจ้าคิดว่าขันทีน้อยคนนี้กับนายหญิงแห่งตำหนักเย็นคนนั้น หน้าคล้ายกันไหม ?"

“เมื่อเจ้าพูดแบบนี้ ข้าก็รู้สึกว่ามีความคล้ายคลึงกันอยู่หน่อย แต่อารมณ์บรรยากาศนั้นต่างกันมากเกินไป” เจียงจึหรูเหลือบมองไปที่ขันทีที่อยู่บนเวที

ในสายตาของนาง ขันทีน้อยคนนี้มีคุณสมบัติตรงไหนที่จะไปเทียบพอกับเทพธิดาที่อยู่ในสายตาและจิตใจของนางได้

นอกจากความคล้ายคลึงกันเล็กน้อยตรงคิ้วและดวงตาแล้ว ต่อให้ไปถือรองเท้าเทพธิดาผู้นั้นก็ยังไม่คู่ควรเลย

เมื่อถึงตาของนางที่จะต้องไปข้างหน้าเพื่อรับสิ่งของ เธอก็มองลู่ยุ๋นหลัวด้วยสีหน้าที่ดูถูกเหยียดหยาม

สายตาที่มองลู่ยุ๋นหลัวแปลกประหลาดมาก

แม่นางคนนั้นเพิ่งจะบอกว่าจะสนับสนุนและช่วยนางแนะนำอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ?

ทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนทัศนคติกะทันหันขนาดนั้น ?

ลู่ยุ๋นหลัวถึงกับส่ายหัวและถอนหายใจ ดังที่คาดไว้จิตใจของผู้หญิงก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร

เมื่อสิ่งของถูกแจกจ่ายไปครึ่งทาง ฉุ่ยยวู่ชานก็ไม่สนใจคิวที่ยาวเหยียดที่ต่อกันอยู่ นางตรงไปที่รถเข็นของลู่ยุ๋นหลัวและพูดด้วยทัศนิคติอันเย่อหยิ่งว่า "เอาให้นายหญิงของข้าชุดหนึ่ง !"

ลู่ยุ๋นหลัวยิ้มเล็กน้อย "โปรดไปเข้าแถวเถอะ"

นางเพิ่งพูดไปเมื่อกี้ว่าใครที่ไม่เข้าแถวก็จะไม่แจกให้ นี่หูของฉุ่ยยวู่ชานยังได้ยินอยู่มั๊ย ?

"ขันทีน้อย เจ้าต้องตริตรองให้ชัดเจนแล้ว นายหญิงของเราคือเหยากุ้ยเหริน !" ฉุ่ยยวู่ชานมองหน้าลู่ยุ๋นหลัวและพูดอย่างเย็นชา

วันนี้หากไม่ใช่เพราะคุณชายใหญ่ชูวิ่งหนีไปโดยไม่มีเหตุผล วันนี้นางลู่ยุ๋นหลัวคงสูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียงเกียรติภูมิและทุกคนจะต้องชี้นิ้วรุมประชาทัณฑ์เป็นแน่

ไม่มีทางที่นางจะโงหัวขึ้นมาได้ง่าย ๆ แน่นอน

"เป็นถึงนายหญิงก็เพิกเฉยต่อกฎระเบียบได้เหรอ ? ไปเข้าแถว !" หลังจากพูดจบ ลู่ยุ๋นหลัวก็ไม่สนใจนางอีกและยังคงส่งมอบสิ่งของตามแถวต่อไป

แม่นางและภรรยาบางคนที่ไม่ได้เข้าแถวตรงหางแถวไกล ๆ พอเห็นว่าขันทีตัวน้อยนี้ไร้ซึ่งความปรานี ความคิดอยากจะลองใช้อำนาจข่มขู่ของพวกนางเองในตอนแรกก็มลายหายสิ้นไปทันที

ขันทีน้อยคนนี้ขนาดนายหญิงตำหนักในอย่างเหยากุ้ยเหรินยังไม่ไว้หน้า นับประสาอะไรกับพวกนาง ?

ฐานะของพวกนางแม่จะสูงส่งเพียงใดแต่สูงพอที่จะเทียบกับนายหญิงตำหนักในได้เหรอ ?

อีกทั้งเมื่อดูจากท่าทางมั่นใจไร้ความกลัวของขันทีน้อยคนนั้นแล้ว ก็คาดว่าน่าจะเป็นคำสั่งของนายหญิงแห่งตำหนักเย็นเป็นแน่

น้ำในตำหนักในน่ะ มันก็ลึกอยู่ อย่าเพื่อที่จะที่ทาแก้มชนิดน้ำเหล่านี้จนตัวเองไม่ระวังถลำลึกเข้าไปเลย

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ แม่นางและภรรยาไม่กี่คนก็ไม่ส่งเสียงใด ๆ อีกต่อภาพเหตุการณ์ตรงหน้า

"เจ้า !" ฉุ่ยยวู่ชานโกรธจัด ขณะที่นางคิดว่าตอนนี้นางควรจะเปิดเผยตัวตนของลู่ยุ๋นหลัวว่าเป็นนายหญิงของตำหนักเย็นต่อหน้าคนตอนนี้เลยรึไม่อยู่นั้น เหยากุ้ยเหรินก็ตะโกนเรียกนางกลับไป

"นายหญิง นางลู่ยุ๋นหลัวนั่น..."

"หุบปาก !" เหยากุ้ยเหรินมองฉุ่ยยวู่ชานด้วยสายตาเย็นชา การเปิดเผยตัวตนของลู่ยุ๋นหลัวตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับพวกนางเลย

“ข้าเห็นแล้ว แม้ว่าปริมาณที่ทาแก้มชนิดน้ำจะน้อย แต่ก็มากเพียงพอที่จะใช้สำหรับสองคน อย่างน้อยก็ต้องมีบางคนใช้ไม่หมด เจ้าคอยดูจากด้านข้างแล้วกัน พอเห็นว่ามีคนใช้ไม่หมดเจ้าก็รีบซื้อต่อมาในราคาสูงเลย” เหยากุ้ยเหรินโกรธฉุ่ยยวู่ชานจนแถบจะเป็นจะตาย

เพราะสมองนางนิดเดียวก็แถบจะไม่เคยใช้ วันวันเอาแต่ลากความเกลียดชังมาให้นาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น