ถ้าลู่ยุ๋นหลัวไม่รู้เรื่องกระดาษที่เรือนในสวนก่อนหน้านั้น อีกทั้งด้วยตอนนี้ท่าทีที่นางทำท่าทางสนิทสนมและอ่อนโยนแบบนั้น ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะสงสัยในตัวนาง
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเอาธุรกิจมาส่งให้ถึงหน้าบ้าน นางก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ จึงได้ฉีกยิ้มและพูดกลับไป "ถ้าเสด็จน้องชอบ ก็แค่มาที่ตำหนักเย็นของข้า เรียนแต่งหน้าไม่ได้ใช้เงินมากอะไรนัก เจ้าไม่ต้องกังวล เสด็จพี่จะให้ส่วนลดเจ้าเป็นพิเศษแน่นอน”
อยากให้นางสอน ?
ได้ อยากเอาเรื่องเงินมาพูด !
นางเองก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินนัก
เหยากุ้ยเหรินคาดไม่ถึงว่ากับแค่การแต่งหน้า ลู่ยุ๋นหลัวก็เอาเรื่องเงินโยงมาเกี่ยวข้องในทันที จนคิดไปถึงเรื่องคราวก่อนถึงตำราภาพราคาสูงในมือนางตอนนี้ที่จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้เอาไปใช้หน้างานเลย จนในตอนนั้นใบหน้าของนางก็แข็งทื่อขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังคงพูดด้วยเสียงอันอ่อนโยนมาอยู่ประโยค "ควรจะต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว"
ทั้งสองเข้าไปในตำหนักซินหยางในเวลาเดียวกัน
ในห้องโถงใหญ่ในเวลานี้ ผู้สูงศักดิ์ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงที่จัดการแต่งตัวเรียบร้อยก็ได้นั่งลงประจำที่นั่งกันแล้ว
เมื่อลู่ยุ๋นหลัวและเหยากุ้ยเหรินเข้ามาพร้อมกันตอนนั้น ทุกคนก็แหงนหน้ามองไป วินาทีแรกทุกสายตาที่มองมาก็ถูกลู่ยุ๋นหลัวดึงดูดความสนใจไปจนหมด
ซึ่งเห็นเพียงแค่ลู่ยุ๋นหลัวสวมชุดผ้าไหมสีเหลืองทองอร่ามปักด้วยลายดอกโบตั๋นสีชมพู บริเวณเอวก็รัดไว้ด้วยที่คาดเอวลายดอกไม่สีชมพู่ที่โดดเด่นโดยรอบ บนศีรษะก็มีปิ่นดอกไม้ไหวสีทองแวววาวหากมองผิวเผือนแล้วก็ดูเหมือนจะธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อผนวกเข้ากับใบหน้าที่งามงดยากที่จะหาใครเทียมได้ในโลกนี้แล้ว นอกจากจะดูวิจิตรแล้ว กลับยังดูหรูหราและสง่างามอีกด้วย
โดยเฉพาะตรงบริเวณหน้าผากที่มีชาดลายดอกไห่ถางที่เบ่งบานราวกับเปลวเพลิงอันสะดุดตา
ริมฝีปากสีแดงราวกับอัคคีเมื่อผนวกเข้ากับปิ่นดอกไม้ไหวสีทองเต็มศีรษะ ก็งดงามจนแถบจะทำให้หัวใจและดวงวิญญาณของผู้ที่พบเห็นสะเทือนได้เลยทันที !
ทุกคนต่างตกใจราวกับได้เห็นเทพธิดาก็ไม่ปาน !
สวยสดงดงามเป็นอย่างมาก !
ก็มีแต่เพียงนามของสตรีท่านนี้เท่านั้นที่ไม่รู้ว่าตัวตนของนางนั้นเป็นใคร ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
"พระเจ้า จึหรูเจ้ารีบมาดูเร็ว คนที่เดินอยู่ข้างหลันกุ้ยเหรินเป็นนายหญิงของตำหนักเย็นใช่มั๊ย ?" หวังไฉ่ซวนสีหน้าตกตะลึงพร้อมกับสะกิดเจียงจึหรูที่อยู่ข้าง ๆ
"นั่นแหละนาง !" เจียงจึหรูสีหน้าตื่นเต้นพร้อมกับรวบผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือแน่น
แต่ก่อนนางเคยพบแค่ครั้งเดียวตอนการแข่งขันดนตรีครั้งใหญ่ตรงบริเวณด้านล่าง ตอนนั้นเองนางได้ถูกความงามและพรสวรรค์ของแม่นางคนนี้ทำให้ศรัทธาและเลื่อมใส
ไม่คิดมาก่อน เวลาผ่านไปกว่าครึ่งปี นางก็ยังคงสวยสะพรั่งเป็นที่ดึงดูดสายตาเช่นเคย
“เป็นไงล่ะ ข้าบอกแล้วใช่มั๊ยว่าคู่ควรกับฝ่าบาทของพวกเรา ?”
เจียงจึหรูสีหน้าตื่นเต้นราวกับว่าแม่นางที่ส่องแสงพร่างพรายบนเวทีนั้นคือตัวนางเอง จนมีความรู้สึกราวกับความภูมิใจถึงเกียรติยศอันสูงส่งของตนเอง
"รอยวาดบนหน้าผากของนายหญิงแห่งตำหนักเย็นท่านนี้คืออะไรรึ ดูดีมากเลยไม่ใช่เหรอ ?
“ไม่รู้สิ หรือนี่เป็นกระแสการแต่งหน้าที่นิยมในวังช่วงหลัง ๆ นี้หรือเปล่า ?”
“ไม่ใช่ว่านางบอกว่าได้ทำแผนกเสริมความงามหรอกเหรอ ? หลังจากนี้พวกเราไปซื้อของ เขาจะสอนพวกเราวาดด้วยไหม ?”
"ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น"
“เดี๋ยวพองานเลี้ยงเลิกแล้ว พวกเราไปถามกันดีไหม ?” ผู้สูงศักดิ์ฝ่ายหญิงด้านล่างต่างกระซิบกันไปมา
สำหรับพวกนางแล้ว การทำให้ตัวเองดูสวยขึ้น เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง
เซี่ยเหวินหลันที่อยู่ด้านข้างมองไปที่ลู่ยุ๋นหลัวบนเวทีด้วยใบหน้าที่จริงจัง
ไม่คิดมาก่อนว่ากว่าครึ่งปีที่ไม่ได้พบเจอ ผู้หญิงคนนี้จะดูแลรักษาตนเองได้ดีขนาดนี้แม้จะอยู่ในตำหนักเย็น และยังนึกไม่ถึงอีกว่าจะงามงดขึ้นหลายเท่าจากแต่ก่อนมาก
สายตาของนางหันไปยังร่างเงาสีขาวที่อยู่ตรงข้าม เหอะ ! เป็นจริงอย่างที่คาดไว้
ตราบใดที่แห่งนั้นมีลู่ยุ๋นหลัว สายตาของท่านอ๋องเฉินจะไม่มีวันมองเห็นคนอื่น !
ใบหน้าของเซี่ยเหวินหลันก็ปรากฏเต็มไปด้วยความหึงหวง
นางจะไม่ยอมให้ใครมาพรากท่านอ๋องเฉินไปเป็นอันขาด !
ใครก็ไม่ยอมทั้งนั้น !
เห็นได้ชัดว่า ลู่ยุ๋นหลัวสามารถทัดเทียมกับเหยากุ้ยเหรินได้อย่างสมบูรณ์
ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศหรือรูปลักษณ์หรือแม้กระทั่งนิสัยใจคอ
ล้วนดีกว่าทุกด้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...