ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 124

ลู่ยุ๋นหลัวได้รับความโปรดปรานขนาดนั้น ไอ้บริวารสารเลวคนไหนที่ไม่ยอมแหกตาดูจนไม่ให้นางเข้าร่วมงานเลี้ยง !

หรือว่าเบื่อกับการมีชีวิตแล้ว ?

เช้าตรู่ของวันที่สอง ใต้เท้าหวังให้คนใช้แบกไม้กระดานใหญ่เข้าไปในกระทรวงพิธีการ

สายตาของเขากวาดไปรอบ ๆ ที่กลุ่มบริวารของเขา

ไอ้พวกอัปรีย์นี่ !

นายหญิงแห่งตำหนักเย็นท่านนั้น อีกทั้งยังใช้ข้อกำหนดของพระมหาราชวังในการเข้าถวายปรนนิบัติถึงสองครั้ง แล้วเหตุใดพอถึงงานช่วงงานรื่นเริง นางถึงกลายเป็นคนไม่มีชั้นยศไปได้ แล้วยังจะไม่มีสิทธิเข้าร่วมงานเลี้ยงอีก ?

เป็นไปได้ไหมว่าบริวารของเขาสักคนมองว่าตัวเขาขัดหูขัดตาเลยจงใจลากเขาลงน้ำไป ? (ลากลงน้ำ หมายถึง การกลั่นแกล้งให้เสียยศ เสียชื่อเสียง อาจถึงขั้นเสียชีวิตก็เป็นได้)

เขานั่งลงพร้อมกับทนปวดแสบปวดร้อนที่บั้นท้าย

"พูดมา ! ใครเป็นคนรับผิดชอบบัญชีรายชื่อ ?"

เหอเซิงซึ่งเพิ่งเข้ากระทรวงพิธีการมาได้ไม่นานก็รู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ เมื่อนึกเหตุการณ์ก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่มสองวัน โดยมีคนยัดเงินให้เขาถึง 3,000 ตำลึง วินาทีนั้นเขาจึงเดินออกไปด้วยสีหน้าสำนึกผิด และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “รายงานใต้เท้า บัญชีรายชื่องานเลี้ยง เป็นข้าน้อยที่ดูแลรับผิดชอบพะยะค่ะ"

หัวหน้ากระทรวงพิธีการกวักมือเรียกเหอเซิง บ่งบอกถึงให้เหอเซิงผู้นั้นเดินเข้ามาใกล้

เมื่อรอจนเหอเซิงมาหาถึงตรงหน้า หัวหน้ากระทรวงพิธีการก็ถีบเขาจนกระเด็น ขณะเดียวกันก็กระทบถึงบาดแผลที่บั้นท้ายของเขา วินาทีนั้นความเจ็บปวดก็ทำให้เหงื่อออกเต็มไปหมด

"ไอ้ชิบหาย !"

ถ้าเขาจำไม่ผิดเหอเซิงคนนี้ผ่านเข้ามาทำงานโดยวิธีเส้นสายใต้โต๊ะได้แค่เดือนเดียว

เพิ่งเข้ามาทำงานได้เดือนกว่า ๆ ก็ทำเรื่องนี้เพื่อจัดการเขา ช่างมีความสามารถจริง ๆ

“ข้าจะย้ำกับพวกเจ้าอีกครั้ง หลังจากนี้ไม่ว่าจะจัดทำงานพิธีอะไร นายหญิงของตำหนักเย็นจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของฮองเฮา ! แม้ว่านางจะไม่ได้ผ่านพิธีแต่งตั้งฮองเฮา แต่ตามกฎมณเฑียรบาลแล้ว นางคือฮองเฮาของอาณาจักรตงหลาน พวกเจ้าเข้าใจที่ข้าพูดแจ่มแจ้งรึไม่ ?”

“อย่าโทษข้าที่ตำหนิหยาบคายก่อนหน้านี้ พวกเจ้าจำเอาไว้ หากใครลากข้าเข้าไปมีส่วนร่วมในศึกสงครามแย่งชิงตำแหน่งฮองเฮา พวกเจ้าก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน !” แม้ว่าใบหน้าของใต้เท้าหวังแห่งกระทรวงพิธีการจะซีดเผือด แต่แววตาของเขากลับเฉียบคมและมีกลิ่นอายของแรงกดดันแฝงอยู่ไม่น้อย

เขาเป็นข้าราชการมาหลายสิบปี ซึ่งไม่ง่ายกว่าเขาจะไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าแห่งกระทรวงพิธีการ การที่มีถึงทุกวันนี้ได้เป็นเพราะเขาไม่มีส่วนร่วมในศึกแบ่งพรรคแบ่งพวกต่าง ๆ

โดยเฉพาะกับจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ซึ่งไม่ใช่จักรพรรดิองค์ก่อน ที่บางเรื่องจะทรงหลับพระเนตรข้างเปิดพระเนตรข้าง

หากริอาจปั่นป่วนสถานการณ์ในตำหนักในภายใต้จมูกของเขา ก็ไม่ต่างจากรนหาที่ตายดี ๆ นี่เอง

หากไม่ใช่เพราะการโบยไม้ใหญ่ 50 ครั้งนี้ กระทรงพิธีการของพวกเขาหลังจากนี้ก็คงไม่รู้ว่าจะสร้างปัญหาอะไรอีก

การถูกโบยแค่ 50 ไม้ใหญ่นี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว มิฉะนั้น ถ้าบริวารเบื้องล่างก็จะยังคงวุ่นวายแบบนี้ต่อไป หมวกผ้าสีดำบนหัวของเขาก็คงมีสักวันที่ถูกบริวารพวกนี้ทำให้หายไปไม่ช้าก็เร็ว

ท้ายที่สุดใต้เท้าหวังก็ไม่ได้แสดงความเมตตาใด ๆ และเริ่มการโบยไม้ใหญ่ 50 ครั้งแก่เหอเซิงต่อหน้าสาธารณะ จากนั้นก็ปลดละวางเขาออกจากตำแหน่งโดยอยู่ในระหว่างการสอบสวน

ก็คงจะพูดไม่ได้ว่าการเชือดไก่ให้ลิงดูในครั้งนี้ช่างมีพลังข่มขวัญอยู่มากนัก

ทันใดนั้นคนในกระทรวงพิธีการต่างก็สนใจและจำตำหนักเย็นกันจนขึ้นใจ

บางครั้งเมื่อไปตรวจที่สำนักพระราชวังว่าอาหารและเครื่องนุ่งห่มที่ส่งมอบให้กับนายหญิงแห่งตำหนักเย็นนั้นเป็นไปตามข้อกำหนดของฮองเฮาหรือไม่

หลังจากตรวจสอบ ก็พบยังมีหลายส่วนที่ยังทำไม่ถึงเกณฑ์ข้อกำหนดของฮองเฮา

ตัวอย่างเช่น เครื่องเรือนใช้สอยในตำหนักเย็นนี้เรียบง่ายเกินไป

ตัวอย่างเช่น บริวารรับใช้ข้างกายของนายหญิงกลับมีเพียงแค่แม่นมหนึ่งคนและนางข้าหลวงอีกคนหนึ่งเท่านั้น

ตัวอย่างเช่น นายหญิงแห่งตำหนักเย็นแห่งนี้เวลาจะเดินทางไปไหนก็ไม่มีเกี้ยวประทับนกยูงทองในการรับส่งเสด็จ

ดังนั้นในช่วงสองวันนี้ สำนักพระราชวังจึงส่งคนและสิ่งของไปที่ตำหนักเย็นอย่างไม่หยุดหย่อน

เพียงแค่บริวารรับใช้ก็ส่งไปมากกว่า 20 กว่าคน

นางข้าหลวงชั้นสามัญ 10 นาง ขันทีชั้นสามัญ 12 คน หัวหน้าขันทีลำดับชั้นที่แปดสองคน และหัวหน้าขันทีสูงสุดลำดับชั้นที่เจ็ดหนึ่งคน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น