เมื่อนึกถึงตรงนี้ หัวใจของลู่ยุ๋นหลัวก็หนักอึ้งขึ้นมา
ภายในวังหลีเซี๋ย
เหยากุ้ยเหรินมองไปที่ฉุ่ยยวู่ชานที่กำลงคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าที่มัวหมอง
นางก็ยังไม่รู้ว่ากระดาษที่ฉุ่ยยวู่ชานเขียนถึงลู่ยุ๋นหลัวตรงด้านล่าง ลงนามไว้ว่าลู่หว่านหลัว!
ลู่หว่านหลัวเป็นแค่อนุภรรยาลำดับที่หนึ่ง !
ซึ่งไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าวังเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้ได้ !
ไม่น่าแปลกใจที่ลู่ยุ๋นหลัวจะไม่ถูกหลอก
ข้อบกพร่องใหญ่ขนาดนี้ ใครกันที่จะดูไม่ออก !
ฉุ่ยยวู่ชานคุกเข่าลงบนพื้นจนตัวสั่น
นางตอนนั้นเองถ้าฉุกคิดขึ้นได้ แล้วเขียนชื่อชูหรงเฉิงขึ้นมา บางทีก็อาจเป็นไปได้ที่ลู่ยุ๋นหลัวจะไม่กล้าไปขึ้นมา แล้วจะทำเช่นไร ?
ถ้าเขียนชื่อน้องสาวของนาง ยังไงนางก็ต้องไปพบแน่นอน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นางไม่ได้ฟังคำพูดนายหญิงและเปลี่ยนชื่อลงท้ายของกระดาษโดยไม่ได้รับอนุญาต
สีหน้าของเหยากุ้ยเหรินดูแย่มาก
วันนี้ในงานเลี้ยงไม่เพียงแต่ล้มเหลวในการดึงดูดความสนพระทัยของฝ่าบาทได้แล้ว แต่ยังขายหน้าต่อหน้าสาธารณชนในงานเลี้ยงเพราะจู่ ๆ ก็มีฝนตกหนัก !
นอกจากเสียหน้าแล้วยังไม่พอ แม้แต่ของขวัญวันพระเฉลิมพระชนมพรรษาที่นางคิดว่าจะต้องชนะเหนือผู้อื่นได้ก็ยังถูกลู่ยุ๋นหลัวเปรียบเทียบจนดูด้อยค่า
เมื่อนึกถึงสิ่งที่พระพันปีหลวงตรัสและอริยาบถในงานเลี้ยงวันนี้ แถบจะไม่มีตอนไหนที่ไม่เปิดเผยถึงความตั้งพระทัยที่ให้ลู่ยุ๋นหลัวได้เป็นฮองเฮา
หากนางยังไม่เร่งรีบเพื่อเอาชนะความโปรดปรานของฝ่าบาท เกรงว่าตำแหน่งฮองเฮานี้นางก็คงหมดวาสนาที่จะได้ครอบครองแล้ว
"แม่นมเฉิน ก่อนหน้านี้ชุดที่เสด็จพี่ลู่วาดให้ไม่กี่ชุดนั้นทำเสร็จแล้วรึยัง ?"
ชุดเสื้อผ้านั้นถึงแม้จะดูน่าประหลาดใจ แต่ก็คืออาวุธที่สมบูรณ์แบบในการยั่วยวนผู้ชาย
นางอยากจะลองดูสักหน่อย
แม่นมเฉินที่อยู่ด้านหลังก็กล่าวขึ้นมา "กราบทูลนายหญิง อีกไม่กี่วันชุดนั้นก็เสร็จสมบูรณ์ออกมาแล้วเพคะ"
“อืม” เหยากุ้ยเหรินพยักหน้าและลุกขึ้นเดินไปที่ห้องที่อยู่ด้านข้างโถงใหญ่ นางรู้สึกโล่งใจเมื่อแม่นมเฉินเป็นคนจัดการ
“ช่วงสองวันนี้เจ้าช่วยหานางข้าหลวงที่มีแววเฉลียวฉลาดมาให้ข้าหน่อย”
เหยากุ้ยเหรินชำเลืองมองอย่างเย็นชาไปที่ฉุ่ยยวู่ชานซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น รอบตัวเหยากุ้ยเหรินจะต้องไม่มีคนด้อยปัญญาหลงเหลืออยู่อีก
"เพคะ นายหญิง"
หลังจากงานเฉลิมพระชนมพรรษาจบลง
ใต้เท้าหวังหัวหน้าแห่งกระทรวงพิธีการก็ถูกฝ่าบาทเรียกตัวเข้าเฝ้าที่ห้องทรงตำราทันที
ทันทีที่เขาเข้าไปก็ถูกจี้อู๋เจวี๋ยทรงดุด่าว่าถออย่างรุนแรงและพระราชทานรางวัลแก่เขาด้วยการโบยไม้ใหญ่ 50 ที
ใต้เท้าหวังยังไม่ทันที่จะได้โต้แย้งอะไร ก็ถูกคนกดลงบนไม้กระดานและเริ่มการโบยในทันที
เมื่อเขากำลังออกมาจากตำหนักซู่ซิน เขาก็ถูกบางคนหามตัวออกมานอกตำหนักทันที
การถูกโบยด้วยไม้ใหญ่ 50 ทีไม่ใช่เรื่องตลกล้อเล่น ก้นที่ถูกตีนั้นหนังแตกเลือดซิบจนเห็นเนื้อก็ว่าได้
แต่ถึงกระนั้น ใต้เท้าหวังก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมฝ่าบาทถึงได้ทรงพิโรธมากมายถึงเพียงนี้
แม้ว่างานเลี้ยงนี้จะดูยุ่งเหยิง
แต่เขาก็ปฏิบัติตามพิธีระเบียบขั้นตอนทุกอย่าง
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นเรือนในสวน ซึ่งได้อ้างอิงขั้นตอนและได้ถามไถ่คนจากสำนักหอดูดาวหลวงแล้ว และเมื่อได้ทราบว่าคืนนี้ฝนจะไม่ตกลงมาก็เลยเลือกที่จะจัดที่เรือนในสวน
แต่การที่อยู่ดี ๆ ฝนตกลงมา ก็ไม่ควรจะมาโทษลงที่เขา !
ถ้าอยากจะโทษ ก็ควรไปโทษไอ้แก่ขี้เมาหยำเปไร้ความสามารถเหล่านั้นของสำนักหอดูดาวหลวงไม่ใช่เหรอ ?
อย่างมากเขาก็แค่ทำผิดโทษฐานกระทำร่วมกันเท่านั้น ไม่ถึงกับที่ฝ่าบาทจะต้องพิโรธถึงขนาดนั้นรึไม่ ?
การที่ใต้เท้าหวังผู้นี้ถูกโบยชั่งไม่เป็นธรรมเลยจริง ๆ
จนกระทั่งหลังจากกลับมาที่จวนแล้ว เมื่อได้ยินภรรยาเอ่ยถึงสถานการณ์ของงานเลี้ยงช่วงค่ำในวันนี้ และพูดโดยบังเอิญว่าตอนที่ลู่ยุ๋นหลัวกำลังจะไปนั่งนั้น ตรงนั้นกลับไม่มีที่จัดไว้ให้สำหรับนาง ฝ่าบาทจึงเรียกให้นางมานั่งที่ด้านข้างพระองค์แทน
ใต้เท้าหวังตอนนั้นก็ยุ่งกับการกำกับงานด้านนอก ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เรื่องนี้
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
และรีบขอให้คนส่งบัญชีรายชื่องานเลี้ยงมาให้
หลังจากตรวจสอบอีกครั้ง ก็ปรากฏว่าไม่มีชื่อลู่ยุ๋นหลัวนายหญิงแห่งตำหนักเย็นอยู่เลย !
จู่ ๆ เหงื่อเย็น ๆ ก็ผุดออกมาที่หน้าผากของใต้เท้าหวังในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...