ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 122

แม้แต่คนที่มีศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงและกำลังภายในที่ลึกล้ำ อย่างน้องการออกฤทธิ์ต่อเนื่องไม่กี่ชั่วยามก็คงจะไม่มีปัญหา แล้วทำไมจู่ ๆ สองคนนั้นถึงหายไปได้ ?

เป็นไปได้ไหมว่าตอนที่นางทำยากล่อมประสาทนี้จะมีวัตถุดิบอะไรบางอย่างที่ขาดหายไป ประสิทธิภาพเลยลดลงอย่างมาก ?

ลู่ยุ๋นหลัวคิดอยู่นานแต่ก็หาต้นสายปลายเหตุของเรื่องไม่ได้ นางจึงต้องยอมแพ้ในที่สุด

กลับไปที่ตำหนักเย็นด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด

ทันทีที่นางกลับมาถึงตำหนักเย็น ลู่ยุ๋นหลัวก็รีบเรียกแม่นมโจวไปที่ห้องของนาง

แม่นมโจวน้อยครั้งนักที่จะเห็นสีหน้าจริงจังของลู่ยุ๋นหลัว

และยังคิดอีกว่ามีเรื่องอะไรขึ้น

นางจึงรีบเดินตามไปทันที

“นายหญิง เกิดอะไรขึ้นเพคะ ?”

ลู่ยุ๋นหลัวบอกเล่าสิ่งที่นางได้ยินในบ่ายวันนี้ออกมาทันที

“แม่นม ก่อนที่เจ้าเข้ามาในวังเคยได้ยินข่าวอะไรของท่านตาของข้าบ้าง ?”

“บ่าวไม่คาดคิดว่าท่านผู้อาวุโสแห่งจวนกั๋วกงจะป่วยหนักขนาดนี้ ! ก่อนหน้านี้บ่าวได้ไปเยี่ยมอยู่ไม่กี่ครั้ง คนรับใช้ต่างก็พูดว่าท่านผู้อาวุโสป่วย ต้องการพักผ่อน และไม่ได้ให้บ่าวเข้าไปเยี่ยมเพคะ” แม่นมโจวนึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้น

"ไม่ให้เจ้าเข้าไปในจวน ?" จวนกั๋วกงติ้งนอกจากท่านตาของนางแล้วก็มีแต่คนรับใช้ แม่นมโจวก็ถือได้ว่าเป็นคนใกล้ชิดของนาง ทุกคนในจวนจวนกั๋วกงติ้งล้วนรู้จักดี ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่น่าที่จะไม่ให้นางเข้าไปในจวน !

"ตอนนั้นบ่าวได้ถามคนเฝ้าประตูในเวลานั้น เขาบอกกับบ่าวว่าน้องชายทั้งสองของท่านผู้อาวุโสเป็นคนออกคำสั่ง และเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอื่นอีกเพคะ" แม่โจวค่อนข้างแปลกเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

ท่านผู้อาวุโสและพี่น้องสองคนนี้แยกบ้านแยกเรือนออกไปตั้งนานแล้ว แล้วทำไมถึงมาปรากฏตัวในจวนกั๋วกงติ้งได้ล่ะ ?

แต่ในเวลานั้นนางเอาแต่กังวลเกี่ยวกับนายหญิงในวัง ก็เลยไม่ได้คิดมากอะไร เมื่อเห็นว่าเส้นทางของจวนกั๋วกงติ้งถึงทางตันก็คงได้แต่ต้องหาท่านอ๋องเฉินอีกครั้ง

“อ้อ ใช่แล้วล่ะ ตอนที่บ่าวไปที่จวนกั๋วกงติ้ง บังเอิญพบกับผู้สูงศักดิ์ฝ่ายหญิงของสองตระกูลนี้เข้าออกจวนกั๋วกงติ้ง คิดว่าพวกนางต้องพักอาศัยอยู่ในจวนแล้วแน่นอนเพคะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของแม่นมโจว หัวใจของลู่ยุ๋นหลัวก็จมดิ่งลงไป

ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไร นางกลับมีลางสังหรณ์ในใจที่ไม่ดีนัก

น้องชายสองคนของท่านตาเป็นเพียงข้าราชการชั้นเจ็ดธรรมดา ๆ ในสำนักราชการ ท่านตาเองก็ช่วยเหลือครอบครัวสองตระกูลนี้อยู่ไม่น้อย

ทำอย่างไรได้ในเมื่อคนรุ่นหลังของสองตระกูลนั้นยังเอาโคลนมาฉาบไม่ติดผนังเลย (โคลนมาฉาบไม่ติดผนัง หมายถึง ไม่มีความสามารถ ความสามารถต่ำเกินไป)

ภรรยาออกจะมีบุตรชายเยอะขนาดนั้น กลับไม่มีสักคนสอบติดอันดับ

ปีที่แล้วก็มีลูกพี่ลูกน้องชายคนหนึ่งสอบได้คะแนนไม่เลว ได้อันดับถึงถ้านฮัว (ถ้านฮัว เป็นลำดับการสอบขุนนางซึ่งได้ที่สาม รองจากป่างเหยียนซึ่งเป็นที่สองและจอหงวนซึ่งเป็นที่หนึ่ง)

ส่วนลุงของสองตระกูลนี้มักจะไปที่จวนกั๋วกงติ้ง นอกจากไปขอเงินแล้วก็มักจะขอให้ท่านตาทำธุระต่าง ๆ ให้ โดยมาแต่ละครั้งก็มักจะมีแต่เรื่องที่ไม่ซ้ำกันสักครั้ง

จนตอนนี้ เมื่อท่านตาป่วยหนักทั้งสองตระกูลเองต่างก็พาผู้สูงศักดิ์ฝ่ายหญิงย้ายเข้ามาในจวนท่านตา ซึ่งนางก็บอกไม่ได้ว่าทั้งสองครอบครัวที่ย้ายมาเพื่อความสะดวกในการดูแลท่านตาหรือด้วยเหตุผลอื่นกันแน่

ท่านตาเองก็สูญเสียภรรยาไปตั้งนานแล้ว พอถึงช่วงวัยกลางก็มาสูญเสียลูกสาวไปอีกคน

เมื่อห้าปีที่แล้ว น้าชายของนาง ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของท่านตาของนางได้ถูกวางยาพิษในสนามรบ ขาของเขาพิการทั้งสองข้างจนกลายเป็นบุคคลทุพพลภาพ วันเดียวกันนั้นเองเขาก็ได้ทิ้งจดหมายไว้หนึ่งฉบับ จากนั้นก็ไม่ได้ยินข่าวคราวของเขาอีกเลย

สำหรับนาง เมื่อแปดเดือนก่อน ครอบครัวของนางก็เปลี่ยนแปลงไปมากจนถูกขับไสให้ไปพำนักตำหนักเย็น

ภายในจวนกั๋วกงติ้งอันใหญ่โต วันนี้กลับเหลือเพียงท่านตาที่โดดเดี่ยวลำพังอยู่คนเดียว

ไม่ว่าชีวิตของเจ้าของร่างเดิมในวังจะยากลำบากอีกสักเพียงใด ก็ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากท่านตาแม้แต่น้อย คงคิดได้แค่เพียงว่าคงไม่ต้องการให้ท่านตาของนางมาเกี่ยวข้องและปล่อยให้เขาใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บั้นปลายอย่างมีความสุข

แถบไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำ ว่าท่านตาของนางจะป่วยหนักตั้งแต่นั้นมา

บางที

ตามนิสัยท่านตาแล้ว เขาออกจะรักเจ้าของร่างเดิมมากขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะโรคร้ายแรงของเขาเอง เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าของเดิมประสบพบกับการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นจนถูกขับไสให้ไปพำนักตำหนักเย็นกว่าครึ่งค่อนปีแต่ท่านตากลับไม่ออกมาเคลื่อนไหวทำอะไรเลยแม้แต่น้อย 

ดูเหมือนว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของนาง...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น