ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 14

พวกเขาทั้ง 3 คนกำลังนั่งล้อมโต๊ะหินตัวหนึ่ง ต่างคนก็มีหม้อทองแดงที่กำลังมีซุปเดือดเป็นไอลอยคลุ้งอยู่ตรงหน้า ทานกันอย่างเอร็ดอร่อย

จี้อู๋เจวี๋ยไม่คิดมาก่อนว่าจะมาพบนางในสถานการณ์เช่นนี้

ใบหน้าที่ปรากฏรอยดำที่ถูกป้ายอย่างจงใจ รูปร่างที่สง่างามที่ปิดบังไปด้วยชุดของขันทีที่มักใส่กันเป็นประจำ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าดวงตาคู่นั้นเขาไม่มีทางจำนางได้เลย

สายตาของจี้อู๋เจวี๋ยจับจ้องไปที่เงาร่างเล็กนั้น ช่วงไม่กี่วันนี้เขาแถบจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินทั้งหมดของวังเพื่อตามหานาง เขาไม่คิดมาก่อนว่านางจะมาอยู่ที่หลังห้องปรุงพระกระยาอาหารกับพวกขันทีกินดื่มกันอย่างสบายใจ

แม้ว่าจะไม่ได้ยินเสียงพูดคุยกัน แต่นางกลับหัวเราะตัวขดตัวงอออกมาจนถึงขนาดต้องยืมไหล่ขันทีพยุงร่าง แววตาเรียบเฉยของจี้อู๋เจวี๋ยเหมือนปรากฏความอิจฉาขึ้นมา

"ฝ่าบาท ให้กระหม่อมเข้าไปกล่าวเตือนก่อนจะดีกว่าหรือไม่" ขันถีเฉาจงฉวนเหลือบไปเห็นสายตาของจี้อู๋เจวี๋ยพลางทูลถามด้วยความระแวดระวัง

จี้อู๋เจวี๋ยกล่าวด้วยตาที่เรียบเฉยและเย็นชาของเขา "ให้พวกมันที่เหลือไปทำงานที่ห้องปรุงพระกระยาอาหารให้หมด !"

"พะยะค่ะ"

ครั้นที่ขันถีเฉาจงฉวนเข้าไปภายในเรือนรับรองพร้อมกับพาขันทีเฉิงและเสี่ยวลี่จึไปยังห้องปรุงพระกระยาอาหารเสี่ยวลี่จึก็สงสัยขึ้นพลางเอ่ยปากถาม "กลางดึกยามสามแล้วแล้วให้พวกเราไปห้องทรงตำรามีงานอะไรให้ทำ ?"

ขันทีเฉิงก็สงสัยเช่นเดียวกัน แต่เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงองค์จักรพรรดิที่ทรงมีอารมณ์แปรปรวนช่วงนี้ ขันทีเฉินเลยเลือกที่จะไม่สนใจ

หลังจากออกมาจากเรือนรับรอง ก็เห็นเงาร่างหนึ่งยืนที่ปากประตู เมื่อเพ่งสายตาดี ๆ จะเห็นว่าเป็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้วยแววตาราวกับพญาเหยี่ยวออกล่าอาหาร ทั้งสองตกใจจนแถบเข่าทรุดพร้อมที่จะคุกเข่าถวายบังคม แต่กลับถูกขันทีขันถีเฉาจงฉวนรั้งตัวไว้ก่อน

"รีบเดิน องค์จักรพรรดิทรงรออยู่ที่ห้องทรงตำรา"

"ห้องทรงตำรา ?"

ทั้งสองมองหน้ากันอย่างสับสน

ไม่ใช่ว่าองค์จักรพรรดิยืนอยู่ตรงนี้รึ ? ทำไมถึงไปอยู่ห้องทรงตำราได้ ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น