ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 210

ไม่มีใครคาดคิด ว่านายหญิงลู่แห่งตำหนักเย็นท่านนั้นจะร่ำรวยขนาดนี้ !

แค่ยื่นมือเข้ามาช่วยก็เป็นเงินถึงหลักแสนกว่าตำลึง !

จิตใจเช่นนี้ไม่ใช่ใครก็จะมีได้

ดังนั้นในช่วงเวลานี้ ลู่ยุ๋นหลัวอาศัยการบริจาคเงินอันโด่งดังจนได้รับชื่อเสียงอันล่ำลือ

สนมเหยาหลังจากได้ยินข่าวนี้ก็โมโหโกรธในทันทีจนล้มป่วย

เป็นเวลาหลายวันติดต่อกันที่นางปิดประตูไม่รับแขกใด

ส่วนหลันกุ้ยเหรินผู้ไม่รู้สถานการณ์ เมื่อได้ยินข่าวนี้ นางก็ดีใจจนทานข้าวไปได้หลายชาม

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่ว่าจี้อู๋เจวี๋ยจะทรงงานยุ่งแค่ไหน หลังจากเสร็จสิ้นราชโองการของอาณาจักร เขาก็จะเสด็จไปเยี่ยมสนมเหยา

ถึงอย่างไร ทุกครั้งหลังจากเขาทรงเยี่ยมสนมเหยาเสร็จก็มักจะมาหาลู่ยุ๋นหลัวที่ห้องเพื่อเสวยพระกระยาหารหนึ่งมือก่อนค่อยเสด็จจากไป

พระกระยาหารนี้จะต้องปรุงด้วยมือของลู่ยุ๋นหลัวถึงจะพอพระทัยเสวยได้

อีกทั้งยังทรงมีรับสั่งว่าพระกระยาหารทั้งเจ็ดวันจะต้องไม่ซ้ำกัน

จนถึงขนาดทรงสั่งให้ห้องปรุงพระกระยาหารนำแป้งสาลีมาส่งให้

เดิมทีก็ไม่ได้มีอะไร

ก็แค่ปรุงพระกระยาหารถวายฝ่าบาท ก็ถือว่าเป็นเรื่องภายในของสนมอย่างนาง

แต่สนมเหยากลับโวยวายจะทานอาหารที่ลู่ยุ๋นหลัวเป็นคนปรุง

พร้อมกับบอกว่าอาหารจากห้องปรุงพระกระยาหารไม่ถูกปากนาง

และยังทำให้อาการป่วยของนางฟื้นตัวได้ไม่ดี

ดังนั้น จี้อู๋เจวี๋ยจึงทรงรับสั่งให้นางทุกวันทำอาหารมากขึ้นหน่อยและรับสั่งให้คนรับใช้นำมาถวายที่ข้างห้องของลู่ยุ๋นหลัว

เมื่อเห็นว่าลู่ยุ๋นหลัวทุกวันยุ่งวุ่นอยู่แต่ในครัว หลันกุ้ยเหรินก็แสดงสีหน้าเห็นใจ "เสด็จพี่หลัว เจ้าช่างน่าสงสารเหลือเกิน ทุกวันนอกจากปรุงพระกระยาหารถวายฝ่าบาทแล้ว ยังต้องทำอาหารให้อนุภรรยาของเขาอีก เจ้าไม่โกรธเลยหรือ ?"

อนุภรรยาคำนี้ นางก็เคยได้ยินจากปากของหยินซวางมาบ้าง

ไม่อยากจะพูด โคตรจะเห็นภาพ

ลู่ยุ๋นหลัวเงยหน้าขึ้นและชำเลืองมองนาง "เจ้าเองก็ไม่ใช่อนุภรรยานั่นหรอกเหรอ ?"

ไม่ใช่ว่าอยู่กับนางที่นี่ก็เอาแต่กินฟรีดื่มฟรีหรอกหรือ ?

หลันกุ้ยเหรินสีหน้ากลับจริงจังขึ้นเล็กน้อย "เจ้าอย่านับเอาข้าเข้าไปรวมด้วย ข้าไม่เหมือนกับนาง"

นางมาที่อาณาจักรตงหลานนั้นมีภารกิจอย่างอื่นต่างหาก

น้ำเดือดแล้ว

ลู่ยุ๋นหลัวก็เติมน้ำเพิ่มอีกเล็กน้อย

"เสด็จพี่ยุ๋นหลัว เจ้าน่ะ ช่างใจดีเกินไป ถ้าเป็นข้าล่ะก็ ข้าไม่ทำอาหารให้นางสนมเหยานั้นหรอก แต่เจ้ากลับนอกจากจะไม่บ่นอะไรสักคำแล้ว ทุกวันยังทำอาหารไม่ซ้ำกันเอาไปให้นางอีก" หลันกุ้ยเหรินจ้องเขม็งไปที่ก้อนอ้วนกลมในหม้อ พร้อมกับคิดว่าเมื่อมันสุกดีแล้ว นางจะต้องชิมให้ได้สักคำ

ลู่ยุ๋นหลัวหยุดมือที่กำลังยุ่งอยู่นางไปพักหนึ่ง พร้อมกับหันไปมองหลันกุ้ยเหรินด้วยสาตาที่แปลก

นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนบอกว่านางนั้นใจดี ?

การได้ถูกกล่าวชมเช่นนี้ ช่างเป็นเกียรติยิ่งนัก

หยินซวางที่อยู่ด้านข้างฟังหลันกุ้ยเหรินพูดก็รู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่าทำไมนายหญิงของนางก็ต้องมาถูกพูดทับถมอยู่เช่นนี้ "นายหญิงของพวกข้าจิตใจช่างงดงามเกินไป ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน จะมีนายหญิงท่านไหนที่ทุกข์ยากเท่านางแล้ว ไหนยังจะต้องมาทำอาหารให้กับสนมอีกคนที่พักฟื้นป่วยอยู่อีก ?”

เดิมให้นายหญิงปรุงพระกระยาหารสำหรับฝ่าบาท ก็พอจะพูดได้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์อันดี

แต่มันเรื่องอะไรที่ต้องไปทำอาหารให้นางสนมเหยานั่นด้วย ?

ลู่ยุ๋นหลัวนำเกี๊ยวที่นางเพิ่งทำเสร็จจากในครัวเดินเอ้อระเหยออกมา "เอาไปส่งเถอะ"

“นายหญิง” ทุกวันหยินซวางไม่เต็มใจจริง ๆ ที่จะเอาอาหารไปส่งที่ห้องข้าง ๆ

นางห้องข้าง ๆ คนนั้น ตอนนี้รังแกนายหญิงของนางจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว

ลู่ยุ๋นหลัวพูดอย่างหมดหนทาง "พวกเจ้าจะรู้อะไร การที่มักได้ทานอาหารรสชาติเดิม ๆ ง่าย ๆ อยู่เป็นเวลานาน แต่รสชาตินี้ได้ไปเปิดต่อมรับรสราวกับเปิดประตูสู่โลกใหม่ ผ่านไปสักพักพอนางไม่ได้กินขึ้นมา และต่อให้อยากกินมากขนาดไหน เจ้าก็รู้ดีถึงความรู้สึกนั้นว่าอารมณ์อยากทานแต่หาทานไม่ได้มันทรมานเพียงใด ?”

หลันกุ้ยเหรินพยักหน้าอย่างคนเข้าใจหัวอกเดียวกัน

ในช่วงวันที่เสด็จพี่ยุ๋นหลัวออกจากวังไป นางก็ผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาเช่นกัน

กินอะไรก็กินไม่ลง เอาแต่คิดอยากจะทานอาหารของตำหนักเย็น

โดยเฉพาะในตอนกลางคืน

อยากกินแต่กินไม่ได้

ความรู้สึกนั้นมันทรมานเกินไป

"อีกทั้ง..." ลู่ยุ๋นหลัวยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย "อาหารจำพวกนี้ถ้าทานไม่ยั้งปากก็จะอ้วนขึ้นง่าย ๆ ในฐานะสนมแล้วถ้าทานจนอ้วนกลมขึ้นมาเจ้าบอกข้าทีว่ารูปร่างและหน้าตาของนางจะ...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น