ลู่ยุ๋นหลัวจงใจที่จะหยุดพูดไว้ชั่วคราว ซึ่งประโยคต่อจากนี้ก็ไม่ต้องพูดให้มากความก็ล้วนเข้าใจกันได้แล้ว ?
"งั้นนางก็ต้องกลายเป็นอ้วนน่าเกลียด !" หลันกุ้ยเหรินสีหน้าตื่นเต้นพร้อมกับพูดต่อครึ่งประโยคหลังของลู่ยุ๋นหลัวต่อ
หากสนมเหยากลายเป็นอ้วนน่าเกลียด...
หลันกุ้ยเหรินพบว่าภาพเหตุการณ์นั้นช่างสวยสดงดงามมาก
แค่นางคิดจินตนาการรู้สึกได้ถึงจิตใจที่สดชื่นเบิกบาน
แผนการนี้มาเหนือเมฆจริง ๆ !
สมแล้วที่เป็นเสด็จพี่หลัว
สังหารอย่างไร้ร่องรอย
และยังสามารถแทงใจ !
เก่งกาจนัก !
จู่ ๆ นางสัมผัสไปที่เอวเล็ก ๆ ของนางขณะได้ยินคำพูดนั้น
โชคดีที่นางตั้งแต่เล็กจนโตทานอะไรก็ไม่อ้วน
เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของลู่ยุ๋นหลัวจนนางตกใจแทบวิญญาณจะหลุด
ทำไมนางถึงรู้สึกว่าเสด็จพี่หลัวผู้นี้ถึงมีวิธีการที่แยบยลยิ่งไปกว่าสนมเหยาอีก ?
พริบตาก็จัดการคนไปได้อย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง
ขนาดเทพไม่รู้ผีไม่รู้
ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
หลังจากนี้ไม่ว่านางจะพูดอะไรล้วนไม่มีทางไปยุแยงให้นางโกรธแน่
โชคดีที่นางฉลาดพอ ที่สร้างสัมพันธ์อันดีกับเสด็จพี่หลัวตั้งแต่เนิ่น ๆ ถึงอย่างไรต่อจากนี้เสด็จพี่หลัวพักที่ไหนนางก็จะพักที่นั่นด้วย
ห้องข้าง ๆ
ไฉ่เหอถือเกี๊ยวนึ่งร้อน ๆ ที่หยินซวงเพิ่งนำมาถวายให้เข้ามา "นายหญิง คราวนี้ห้องข้าง ๆ ก็ได้นำอาหารจานใหม่มาถวายให้อีกแล้วเพคะ ฟังหยินซวางสาวรับใช้คนนั้นนางบอกไว้มันเรียกว่าเกี๊ยวอะไรสักอย่างนี่แหละเพคะ"
สนมเหยานั่งอยู่หน้ากระจกทองสัมฤทธิ์ ตอนนี้ใบหน้าที่บอบบางของนางก็กลับมาเรียบเนียนไม่มีใครเทียบได้แล้ว
จุดสีแดงก่อนหน้านี้ก็เป็นตามที่ลู่ยุ๋นหลัวบอก หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยามก็หายไปทั้งหมด ไม่มีแม้แต่ร่องรอยใดเหลือไว้
หลังจากจัดการทรงผมเรียบร้อย
ดูจากอาหารที่ไฉ่เหอนำมาให้
นางไม่คาดคิดว่าลู่ยุ๋นหลัวจะตั้งใจทำอาหารให้นางทุกวันจริง ๆ
เหนือสิ่งอื่นใด ทักษะการทำอาหารของนางถือว่าดีกว่าพ่อครัวในห้องปรุงพระกระยาหารอยู่มาก
นอกจากนี้ความอยากอาหารของนางก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
ดังนั้นในขณะที่จงใจเหยียดหยามลู่ยุ่นหลัว เวลาเดียวกัน นางก็ทำเพื่อสนองความอยากอาหารของตัวนางเอง
อาการป่วยของนางก็ป่วยมาเป็นเวลานานแล้ว
อีกทั้งช่วงที่พื้นฟูอาการป่วยของนางสนมเหยานี้ นางนอกจากจะไม่ผอมลงแล้ว แต่ภายใต้ทักษะการทำอาหารของลู่ยุ๋นหลัวนางกลับยิ่งดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้นเรื่อย ๆ
มีอยู่วันหนึ่ง
สนมเหยาหยิบชุดโปรดของนางออกมา เมื่อนางพบว่านางเองใส่ชุดนั้นไม่ได้แล้ว นางถึงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ !
อีกทั้งวันนั้นเองอาการป่วยของสนมเหยาก็ดีขึ้นแล้ว
ขณะที่ลู่ยุ๋นหลัวและหลันกุ้ยเหรินกำลังเดินออกกำลังกายอยู่ด้านนอก
ยากมากที่จะได้เห็นสนมเหยาที่ฟื้นฟูอาการป่วยอยู่เป็นเวลานานออกมาข้างนอก
พวกนางทั้งสามคนได้พบหน้ากัน
สายตาของหลันกุ้ยเหรินเหลือบไปมองใบหน้าอันอวบอิ่มของสนมเหยาและทรวดทรงองเอวที่ดูจะหนาขึ้นมาเล็กน้อย
ตามที่คาดไว้ทักษะการทำอาหารของเสด็จพี่หลัวนั้นช่างเยี่ยมยอดจริง ๆ
ถึงขุนให้สนมเหยาจนอ้วนขึ้นมาได้ ?
สุดยอด !
แม้ว่าหลันกุ้ยเหรินจะไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาก็นั้นก็ได้แฝงความหมายที่ชัดเจนออกมาทั้งหมดแล้ว
ลู่ยุ๋นหลัวก็เหลือบมองดูความสำเร็จของนางในช่วงไม่กี่วันนี้ด้วยความพึงพอใจ "เสด็จน้องเหยา ไม่เจอกันนานเลย ทำไมเจ้าถึงอ้วนขึ้นล่ะ ?"
สีหน้าของสนมเหยาเดี๋ยวก็แดงเดี๋ยวก็ขาว
ไม่มีหญิงสาวคนไหนหรอกที่ได้ยินคนอื่นพูดว่าตนเองอ้วนขึ้นแล้วจะยินดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตนเองอ้วนขึ้นจริง ๆ
นางจ้องมองใบหน้าที่ยิ้มอยู่ตรงหน้านางอย่างเย็นชา นางมั่นใจแน่ว่าลู่ยุ๋นหลัวนั้นจงใจ
เดิมทีคิดว่าการให้ลู่ยุ๋นหลัวทำอาหารให้ตัวเองกินทุกวันจะเป็นการดูถูกเหยียดหยามนาง
แต่ท้ายที่สุด จะมีนางสนมคนไหนที่เต็มใจทำอาหารสามมื้อต่อวันให้กับนางสนมอีกคนหนึ่งกัน ?
นั่นก็มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะทำ
ไม่เคยคาดคิดว่านางคนนี้จะใช้แผนซ้อนแผน
ใช้วิธีการที่ตนเองไม่ต้องลงแรงเยอะใด ๆ ก็ทำให้นางอ้วนน่าเกลียดได้
แผนการเยี่ยมยอดจริง ๆ!
"เสด็จน้องเหยา วันนี้ตอนกลางวันข้าได้เตรียมสามชั้นผัดซอสแดงและต้มปลาผักกาดดอง เสด็จน้องเหยามาทานด้วยกันไหม ?” ลู่ยุ๋นหลัวเชื้อเชิญอย่างอบอุ่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...