ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 211

ลู่ยุ๋นหลัวจงใจที่จะหยุดพูดไว้ชั่วคราว ซึ่งประโยคต่อจากนี้ก็ไม่ต้องพูดให้มากความก็ล้วนเข้าใจกันได้แล้ว ?

"งั้นนางก็ต้องกลายเป็นอ้วนน่าเกลียด !" หลันกุ้ยเหรินสีหน้าตื่นเต้นพร้อมกับพูดต่อครึ่งประโยคหลังของลู่ยุ๋นหลัวต่อ

หากสนมเหยากลายเป็นอ้วนน่าเกลียด...

หลันกุ้ยเหรินพบว่าภาพเหตุการณ์นั้นช่างสวยสดงดงามมาก

แค่นางคิดจินตนาการรู้สึกได้ถึงจิตใจที่สดชื่นเบิกบาน

แผนการนี้มาเหนือเมฆจริง ๆ !

สมแล้วที่เป็นเสด็จพี่หลัว

สังหารอย่างไร้ร่องรอย

และยังสามารถแทงใจ !

เก่งกาจนัก !

จู่ ๆ นางสัมผัสไปที่เอวเล็ก ๆ ของนางขณะได้ยินคำพูดนั้น

โชคดีที่นางตั้งแต่เล็กจนโตทานอะไรก็ไม่อ้วน

เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของลู่ยุ๋นหลัวจนนางตกใจแทบวิญญาณจะหลุด

ทำไมนางถึงรู้สึกว่าเสด็จพี่หลัวผู้นี้ถึงมีวิธีการที่แยบยลยิ่งไปกว่าสนมเหยาอีก ?

พริบตาก็จัดการคนไปได้อย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง

ขนาดเทพไม่รู้ผีไม่รู้

ช่างน่ากลัวยิ่งนัก

หลังจากนี้ไม่ว่านางจะพูดอะไรล้วนไม่มีทางไปยุแยงให้นางโกรธแน่

โชคดีที่นางฉลาดพอ ที่สร้างสัมพันธ์อันดีกับเสด็จพี่หลัวตั้งแต่เนิ่น ๆ ถึงอย่างไรต่อจากนี้เสด็จพี่หลัวพักที่ไหนนางก็จะพักที่นั่นด้วย

ห้องข้าง ๆ

ไฉ่เหอถือเกี๊ยวนึ่งร้อน ๆ ที่หยินซวงเพิ่งนำมาถวายให้เข้ามา "นายหญิง คราวนี้ห้องข้าง ๆ ก็ได้นำอาหารจานใหม่มาถวายให้อีกแล้วเพคะ ฟังหยินซวางสาวรับใช้คนนั้นนางบอกไว้มันเรียกว่าเกี๊ยวอะไรสักอย่างนี่แหละเพคะ"

สนมเหยานั่งอยู่หน้ากระจกทองสัมฤทธิ์ ตอนนี้ใบหน้าที่บอบบางของนางก็กลับมาเรียบเนียนไม่มีใครเทียบได้แล้ว

จุดสีแดงก่อนหน้านี้ก็เป็นตามที่ลู่ยุ๋นหลัวบอก หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยามก็หายไปทั้งหมด ไม่มีแม้แต่ร่องรอยใดเหลือไว้

หลังจากจัดการทรงผมเรียบร้อย

ดูจากอาหารที่ไฉ่เหอนำมาให้

นางไม่คาดคิดว่าลู่ยุ๋นหลัวจะตั้งใจทำอาหารให้นางทุกวันจริง ๆ

เหนือสิ่งอื่นใด ทักษะการทำอาหารของนางถือว่าดีกว่าพ่อครัวในห้องปรุงพระกระยาหารอยู่มาก

นอกจากนี้ความอยากอาหารของนางก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

ดังนั้นในขณะที่จงใจเหยียดหยามลู่ยุ่นหลัว เวลาเดียวกัน นางก็ทำเพื่อสนองความอยากอาหารของตัวนางเอง

อาการป่วยของนางก็ป่วยมาเป็นเวลานานแล้ว

อีกทั้งช่วงที่พื้นฟูอาการป่วยของนางสนมเหยานี้ นางนอกจากจะไม่ผอมลงแล้ว แต่ภายใต้ทักษะการทำอาหารของลู่ยุ๋นหลัวนางกลับยิ่งดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้นเรื่อย ๆ

มีอยู่วันหนึ่ง

สนมเหยาหยิบชุดโปรดของนางออกมา เมื่อนางพบว่านางเองใส่ชุดนั้นไม่ได้แล้ว นางถึงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ !

อีกทั้งวันนั้นเองอาการป่วยของสนมเหยาก็ดีขึ้นแล้ว

ขณะที่ลู่ยุ๋นหลัวและหลันกุ้ยเหรินกำลังเดินออกกำลังกายอยู่ด้านนอก

ยากมากที่จะได้เห็นสนมเหยาที่ฟื้นฟูอาการป่วยอยู่เป็นเวลานานออกมาข้างนอก

พวกนางทั้งสามคนได้พบหน้ากัน

สายตาของหลันกุ้ยเหรินเหลือบไปมองใบหน้าอันอวบอิ่มของสนมเหยาและทรวดทรงองเอวที่ดูจะหนาขึ้นมาเล็กน้อย

ตามที่คาดไว้ทักษะการทำอาหารของเสด็จพี่หลัวนั้นช่างเยี่ยมยอดจริง ๆ

ถึงขุนให้สนมเหยาจนอ้วนขึ้นมาได้ ?

สุดยอด !

แม้ว่าหลันกุ้ยเหรินจะไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาก็นั้นก็ได้แฝงความหมายที่ชัดเจนออกมาทั้งหมดแล้ว

ลู่ยุ๋นหลัวก็เหลือบมองดูความสำเร็จของนางในช่วงไม่กี่วันนี้ด้วยความพึงพอใจ "เสด็จน้องเหยา ไม่เจอกันนานเลย ทำไมเจ้าถึงอ้วนขึ้นล่ะ ?"

สีหน้าของสนมเหยาเดี๋ยวก็แดงเดี๋ยวก็ขาว

ไม่มีหญิงสาวคนไหนหรอกที่ได้ยินคนอื่นพูดว่าตนเองอ้วนขึ้นแล้วจะยินดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตนเองอ้วนขึ้นจริง ๆ

นางจ้องมองใบหน้าที่ยิ้มอยู่ตรงหน้านางอย่างเย็นชา นางมั่นใจแน่ว่าลู่ยุ๋นหลัวนั้นจงใจ

เดิมทีคิดว่าการให้ลู่ยุ๋นหลัวทำอาหารให้ตัวเองกินทุกวันจะเป็นการดูถูกเหยียดหยามนาง

แต่ท้ายที่สุด จะมีนางสนมคนไหนที่เต็มใจทำอาหารสามมื้อต่อวันให้กับนางสนมอีกคนหนึ่งกัน ?

นั่นก็มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะทำ

ไม่เคยคาดคิดว่านางคนนี้จะใช้แผนซ้อนแผน

ใช้วิธีการที่ตนเองไม่ต้องลงแรงเยอะใด ๆ ก็ทำให้นางอ้วนน่าเกลียดได้

แผนการเยี่ยมยอดจริง ๆ!

"เสด็จน้องเหยา วันนี้ตอนกลางวันข้าได้เตรียมสามชั้นผัดซอสแดงและต้มปลาผักกาดดอง เสด็จน้องเหยามาทานด้วยกันไหม ?” ลู่ยุ๋นหลัวเชื้อเชิญอย่างอบอุ่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น