ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 212

สนมเหยาหัวเราะอย่างเย็นชา ไม่คิดเลยว่าลู่ยุ๋นหลัวยังจะใช้วิธีการนี้ทำให้นางอ้วนอยู่ ?

นางถูกหลอกมาแล้วครั้งหนึ่งไม่มีทางที่นางจะถูกหลอกในครั้งที่สอง

อย่างไรก็ตาม นางลู่ยุ๋นหลัวคนนี้คงจะกระโดดโลดเต้นได้อีกไม่มีวันนักหรอก

นางไม่มีความจำเป็นที่จะต้องต่อปากต่อคำเรื่องแค่นี้ให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สนมเหยาก็ยังคงประดับยิ้มอันมีเลศนัยนั้นไว้บนใบหน้าของนาง "ขอบคุณความหวังดีของเจ้า เสด็จน้องผู้นี้ขอรับน้ำใจนั้นไว้ ข้าเกรงว่าวันนี้คงจะไม่ได้ เสด็จน้องยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ ข้าขอตัวก่อน"

สนมเหยาถวายคำนับแก่ลู่ยุ๋นหลัวก่อนที่จะจากไป

“เสด็จพี่หลัว วันนี้เจ้าจะทำสามชั้นผัดซอสแดงจริงหรือ ?” หลันกุ้ยเหรินเผลอกลืนน้ำลายในทันที

อาหารจานนี้อร่อยมากเป็นพิเศษจริง ๆ

นางเฝ้ารออาหารจานนี้มาเนิ่นนานแล้ว

ลู่ยุ๋นหลัวกรอกตามองนางขึ้นลงอยู่ครู่ "เจ้าไม่กลัวว่าสุดท้ายจะกินจนอ้วนเหมือนสนมเหยาหรอกเหรอ ?"

หลันกุ้ยเหรินพูดกลับอย่างไม่สนใจ "ไม่เป็นไร ข้ากับพวกเจ้าไม่เหมือนกัน ตั้งแต่เล็กจนโตข้ากินเท่าไหร่ก็ไม่เคยอ้วน"

ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีนางก็ผอมเกินไปอยู่แล้วด้วย

พอดีกับที่นางหวังไว้ว่าตนเองควรจะได้มีกล้ามเนื้อเยอะขึ้นมาบ้าง

ลู่ยุ๋นหลัวสีหน้ามืดหม่น รู้สึกว่าตนเองถูกก้าวล่วง

"กลางวันนี้กินผัก !"

จะกินเนื้ออะไร ?

ยังไม่เห็นคางสนมเหยาที่เหนียงออกมาสองชั้นนั่นอีกเหรอ ?

หากนางยังไม่ควบคุมตัวเองสักหน่อย บางทีรูปลักษณ์สนมเหยาวันนี้อาจจะเป็นตัวนางเองในวันพรุ่งนี้ก็ได้

คนที่เตือนสตินางอย่างหลันกุ้ยเหรินกับส่งเสียงคร่ำครวญไม่พอใจออกมา

ตอนเที่ยง ลู่ยุ๋นหลัวได้ทำเกี๊ยวน้ำขนาดเล็ก

เป็นเกี๊ยวแป้งบางและเนียนนุ่มประเภทนั้น

ที่ด้านล่างของก้นชามแต่ละใบได้ใส่มันหมูชิ้นเล็ก ๆ และต้นหอมสับหนึ่งกำมือ

เมื่อเทน้ำซุปร้อน ๆ ลงไป กลิ่นหอมก็ฟุ้งตลบขึ้นมาทันที

พอมีจี้อู๋เจวี๋ยเอาแป้งสาลีมาให้ก็ดีแบบนี้แหละ

นอกจากนี้นางยังสามารถนำแป้งสาลีจากมิติพิเศษเอามาทำอหาจำพวกแป้งที่นางชื่นชอบเองได้เป็นครั้งคราว

จี้อู๋เจวี๋ยก็ยังทรงเหมือนเดิมตามที่แล้วมา หลังจากเขาเสวยเสร็จก็ไม่ได้ประทับอยู่ที่นี่ต่อพร้อมกับเสด็จจากไป

ตั้งแต่เกิดโรคระบาดที่มณฑลซ่างหยวน

จี้อู๋เจวี๋ยก็ทรงดูเหมือนจะยุ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น