ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 213

เมื่อจี้อู๋เจวี๋ยเสด็จมาถึง เขาก็ไม่ได้ทรงสั่งให้ข้ารับใช้ประกาศรับเสด็จ

เดิมทีเขาต้องการเสด็จไปที่ห้องของลู่ยุ๋นหลัวโดยตรง แต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ในตำหนัก

แม่นางทั้งสองสวมชุดกระโปรงสีขาว ใบหน้าทาไว้ที่อะไรบางอย่างสีเขียวชุ่มทั้งหน้า ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง ก็สะท้อนให้เห็นแสงสีเขียวอันแปลกประหลาดออกมา

ภาพเหตุการณ์นี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก

เฉาจงเฉวียนที่ตามเสด็จมาพร้อมกับจี้อู๋เจวี๋ย เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้าก็ยังรู้สึกหวาดกลัวจนขาอ่อนจนอีกนิดเดียวก็แทบจะล้มไปกองกับพื้น

ตำหนักเย็นนี้คงไม่มีเรื่องหลอกหลอนอยู่หรอกนะ ?

ต่อมาก็รีบพิงไปยังทิศที่จี้อู๋เจวี๋ยอยู่ด้านหลัง

จี้อู๋เจวี๋ยขมวดพระขนง นี่เขายืนอยู่ใกล้ลู่ยุ๋นหลัวด้านหลังขนาดนี้

หลังจากที่ลู่ยุ๋นหลัวได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวข้างหลังนาง นางก็รีบหันกลับไปมอง

ที่ปรากฏต่อสายตานางคือพระพักตร์ที่ขมวดพระขนงของจี้อู๋เจวี๋ย

ลู่ยุ๋นหลัวตกใจสะดุ้ง "ฝ่าบาท ท่านมาทำไมไม่ตรัสแจ้งสักคำ มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงข้าตกใจหมด"

เฉาจงฉวนจำได้ว่าเป็นเสียงของลู่ยุ๋นหลัวพร้อมมองดูใบหน้าที่น่ากลัวยิ่งกว่าผีด้วยความประหลาดใจ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยใจแทนองค์จักรพรรดิ นายหญิง สภาพท่านเช่นนี้ ใครกันแน่ที่ควรจะตกใจใคร ?

ยังดีที่ฝ่าบาทไม่ค่อยกลัวอะไร

มิฉะนั้นป่านนี้ผ่าบาทคงตกใจจนประชวรเป็นไข้หัวโกร๋นไปแล้ว

สายพระเนตรของจี้อู๋เจวี๋ยเหลือบมองไปที่หลันกุ้ยเหรินที่อยู่ข้าง ๆ นางอย่างไม่เป็นมิตร มือของผู้หญิงคนนี้วางอยู่รอบเอวเรียวบางของลู่ยุ๋นหลัว

ทรงทอดพระเนตรมองนางอย่างเขม็ง "นางเป็นใคร ?"

“ฝ่าบาท ข้าเอง” หลันกุ้ยเหรินพูดอย่างอดไม่ได้

ไม่ว่านางจะพูดเช่นไร นางก็ยังเป็นสนมของเขา การจำไม่ได้เช่นนี้จริง ๆ มันดีแล้วหรือ ?

นางคาดเดาไว้แล้วว่าในสายพระเนตรของฝ่าบาทก็มีแต่สเด็จพี่หลัวอยู่คนเดียว แต่ไม่ควรทำให้มันชัดเจนเกินงามขนาดนี้ไหม ?

"เอามือเจ้าออกไป" สายพระเนตรของจี้อู๋เจวี๋ยไม่เป็นมิตรอย่างมาก

น้ำเสียงที่เข้มงวดนั้นทำให้หลันกุ้ยเหรินถอนมือออกอย่างรวดเร็ว

พร้อมกับบ่นพึมพำกับตัวเองในใจ

ฝ่าบาททำไมต้องดุถึงขนาดนั้น ?

นางก็แค่เอามือไปวางที่เอวของเสด็จพี่หลัวเองไม่ใช่เหรอ ?

ไม่ใช่ว่าผู้หญิงด้วยกันแค่คนเดียวก็ยังจะอิจฉาหรอกนะ ?

หลันกุ้ยเหรินดูเหมือนจะต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่าง นางเลยวางมือบนหน้าอกที่ปูดโปนของลู่ยุ๋นหลัวอย่างกล้าหาญ

ในชั่วพริบตานางก็ได้รับสายพระเนตรที่ดูน่ากลัวกว่าเมื่อก่อนมาก ยังไม่ทันที่จะรอให้จี้อู๋เจวี๋ยทรงพิโรธ นางก็รีบหดมือกลับเองด้วยความตกใจ

น่ากลัวยิ่งนัก !

หลันกุ้ยเหรินรู้สึกว่าถ้านางถอนมือช้ากว่านี้อีกหน่อย ฝ่าบาทคงจะตัดมือนางทิ้งไปแล้ว

ลู่ยุ๋นหลัวชำเลืองมองหลันกุ้ยเหรินที่อยู่ข้าง ๆ นางอย่างแปลกประหลาด หลันกุ้ยเหรินคนนี้เป็นบ้าอะไร ?

จับหน้าอกของนางทำไม ?

ของตัวเองไม่มีให้จับเหรอ ?

น้ำเสียงของจี้อู๋เจวี๋ยราวกับระงับความโกรธของเขาไว้ "ยังไม่ไปล้างออกอีกเหรอ"

ลู่ยุ๋นหลัวหลังจากลุกจากเตียงด้วยใบหน้าที่งุนงง

ทำไมจี้อู๋เจวี๋ยถึงพิโรธไปได้ ?

ก็ไม่รู้ว่านางไปยั่วยุเขาตรงไหนอีก นางรีบลากหลันกุ้ยเหรินไปเพื่อล้างหน้า

หลังจากที่ทั้งสองล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว

พวกนางต่างก็ไม่เต็มใจที่จะรองรับอารมณ์โกรธของจี้อู๋เจวี๋ยตรงนั้น

"เจ้าไปสิ"

"เจ้าไปก่อน……"

ทั้งสองปฏิเสธเกี่ยงกันอย่างไม่เกรงใจ

“เอางี้ เรามาเป่ายิ้งฉุบ ผู้แพ้ไปก่อนเป็นไง ?”

"ได้ !"

"เป่ายิ้ง..." ลู่ยุ๋นหลัวยังไม่ทันพูดจบ

หลันกุ้ยเหรินก็วิ่งจากไปอย่างไม่เหลียวหลังกลับมา

“ปั้ง” เสียงประตูที่ตัวนางเองปิดดังขึ้น

การเคลื่อนไหวทั้งหมดราบรื่นและลื่นไหลราวกับสายน้ำไหล

เสด็จพี่หลัว ข้าขอโทษ

ความพิโรธของฝ่าบาท มีแต่เจ้าเท่านั้นที่จะให้สงบลงได้

ถ้าหากให้นางไปก็เหมือนไปหาความตายนั่นแหละ

ลู่ยุ๋นหลัวไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลันกุ้ยเหรินจะลื่นไหลเร็วกว่านาง

เดิมทีนางต้องการที่จะหนีไปทันทีที่เป่ายิ้งฉุบออก

ไม่คาดคิดว่านางจะช้าไปอยู่ก้าวหนึ่ง

ในที่สุด นางก็ได้แต่หายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับฉีกยิ้มออกมาแล้วเดินออกไปด้วยท่าทางที่กล้าหาญเพื่อไปยังลานประหาร

เมื่อมาถึงในตำหนัก นางก็เห็นเพียงแต่เฉาจงฉวนที่เฝ้าอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง

“นายหญิง ฝ่าบาททรงรออยู่ภายในห้องของท่านพะยะค่ะ”

ห้อง ?

มุมปากของลู่ยุ๋นหลัวสั่นไหวเล็กน้อย

แสดงว่าเมื่อสักครู่ต่อให้นางจะวิ่งหรือไม่วิ่งหนีไป ผลลัพธ์ก็ยังคงออกมาเหมือนเดิม ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น