ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 214

นางกลับที่ห้องตัวเองอีกครั้งอย่างช้า ๆ

ทันทีที่นางเข้าประตูไป ก็เห็นจี้อู๋เจวี๋ยที่กำลังทรงปลดฉลองพระองค์ออกอยู่

ภายใต้แสงไฟ

ด้านข้างของพระพักตร์ที่งดงามนั้น รวมไปถึงกล้ามพระอุระที่เผยออกมาให้เห็นนั้น หัวใจของลู่ยุ๋นหลัวก็เต้นโครมครามทันทีเมื่อได้เห็น

นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ?

ลู่ยุ๋นหลัวไม่กล้าที่จะเดินเข้าไป

“ฝ่าบาท สนมเหยาส่งคนมาทูลบอกว่านางได้ทำพระกระยาหารค่ำที่ฝ่าบาททรงโปรดไว้ให้พะยะค่ะ” เสียงของขันทีเฉาดังขึ้นจากด้านนอก

"ให้กลับไปก่อนเลย" จี้อู๋เจวี๋ยทรงตรัสอย่างราบเรียบ

"พะยะค่ะ"

"ฝ่าบาท ฝ่าบาทไม่ไปหานางก่อนเหรอเพคะ ?" ลู่ยุ๋นหลัวคิดว่าจี้อู๋เจวี๋ยจะออกไปหาก่อนสะอีก

ถึงอย่างไร ช่วงเวลาที่สนมเหยาเจ็บป่วยนั้น เขาก็ทรงขยันเสด็จไปเยี่ยมหาอยู่บ่อยครั้งแล้วมิใช่เหรอ ?

"เจ้าต้องการให้ข้าออกไปหานาง ?" จี้อู๋เจวี๋ยเมื่อถามคำถามนี้จบ สายพระเนตรของเขาก็จ้องไปที่ลู่ยุ๋นหลัว ราวกับกำลังทรงรอคำตอบที่เขาต้องการจะทรงได้ยิน

"แน่นอนอยู่แล้วว่า..." ขณะที่ลู่ยุ๋นหลัวกำลังพูดสิ่งที่นางปรารถนา นางก็สังเกตเห็นสายพระเนตรที่มีความสนใจเป็นพิเศษของจี้อู๋เจวี๋ย

ทันใดนั้นนางก็เอาคำพูดที่มาถึงปากของนางกลืนลงไปทันที

คำถามนี้คงไม่เหมือนกับคำถามเมื่อคราวก่อนหรอกนะที่เป็นหลุมพราง ?

นางตัดสินใจที่จะคิดให้ดีก่อนที่จะตอบออกไป

แต่ไม่ว่านางจะคิดอย่างไร นางก็ไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าคำตอบไหนกันแน่ที่จี้อู๋เจวี๋ยทรงปรารถนาจะได้ยิน

ด้วยเหตุนี้นางจึงทูลถามออกไปอย่างระมัดระวัง "ฝ่าบาท ฝ่าบาททรงปรารถนาให้หม่อมฉันหวังว่าให้ท่านไปหรือฝ่าบาททรงปรารถนาให้หม่อมฉันหวังว่าท่านไม่ควรไปกันล่ะเพคะ ?"

เขาอยากทรงฟังคำตอบแบบไหน นางก็จะพูดคำตอบนั้น แบบนี้ก็ไม่มีทางผิดแน่นอนอยู่แล้วใช่ไหม ?

พระพักตร์ของจี้อู๋เจวี๋ยเปลี่ยนเป็นเย็นชา

การที่แม่หญิงคนนี้สามารถถามคำถามแบบนี้ออกมาได้ ก็แสดงให้เห็นคำตอบที่แท้จริงในใจนางแล้วว่าคืออะไร ไม่ต้องเดาเขาก็รู้

“มานอนได้แล้ว” เดิมทีวันนี้เขาก็อารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่

ยิ่งตอนนี้ทรงได้ยินคำพูดนี้ของนางก็ยิ่งทำให้แย่ลงไปอีก

ลู่ยุ๋นหลัวค่อย ๆ เดินไปอย่างช้า ๆ

ส่วนในใจก็ได้แตกเป็นเสี่ยง ๆ เรียบร้อยแล้ว

นางไม่อยากนอนกับเขาน่ะสิ

แต่ก่อนนางก็เคยหลงใหลอยากได้ร่างกายของเขา

แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนี้มีผู้หญิงถึงสองคนแล้ว

แม้จะบอกว่ายุคราชวงศ์นี้สามภรรยาสี่สนม(สามภรรยาสี่สนม หมายถึง มีสนมมาก)ก็ถือเป็นเรื่องปกติ

ฝ่าบาทจะทรงมีสามวังหกตำหนัก(สามวังหกตำหนัก หมายถึง มีสนมมาก)ก็เป็นเรื่องที่สอดคล้องกฎมณเฑียรบาล

แต่ตราบใดที่นางคิดถึงจี้อู๋เจวี๋ยกับหญิงอื่นมี...

นางก็รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว !

ความรู้สึกแบบนั้นเหมือนกับ...

ผักกาดขาวที่อยู่ของมันดี ๆ ก็มีแม่นางสองคนเอามารุมแทะ

ช่างทำให้เจ็บใจจริง ๆ

ยิ่งกว่านั้นยังมีเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่านอนกลับกับจี้อู๋เจวี๋ย !

นั่นคือนางต้องเสี่ยงกับการใช้เงินไปจำนวนมหาศาล

เพราะถ้าวันหนึ่งชายคนนี้ไม่พอพระทัยขึ้นมา และเอาเงินจากนางเป็นค่าเหมาทั้งคืนด้วยราคาสูงเสียดฟ้า งั้นนางไม่ถึงกับต้องล้มละลายเลยหรอกเหรอ ?

นางค่อย ๆ เดินงุ่มง่ามอยู่เป็นเวลานาน แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีระยะห่างจากจี้อู๋เจวี๋ยที่ถือว่าไม่ใกล้อยู่ช่วงหนึ่ง

จี้อู๋เจวี๋ยทรงดูเหมือนจะไม่อดทนอีกต่อไป

เขาทรงก้าวไปข้างหน้าและดึงนางเข้ามาหา

เพียงหมุนพลิกตัว พริบตาลู่ยุ๋นหลัวก็ตกอยู่ในอ้อมอกของใครบางคนแล้ว

โคมไฟพระราชวังภายในห้องยังเรืองรองสว่างไสว

ลู่ยุ๋นหลัวไม่กล้าแม้จะขยับขณะที่อยู่ในอ้อมแขนของใครบางคน

เพราะใบหน้าของนางตอนนี้เกือบจะชิดกับแผงอกอันฟิตแน่นของจี้อู๋เจวี๋ยอยู่แล้ว

รอยทบของฉลองพระองค์แหวกออกมาเล็กน้อย จากมุมมองของนางที่มองผ่านไป ก็เห็นพอดีเข้ากับกล้ามอกอันแข็งแกร่งที่ใกล้กับสายตาของนาง

นางกระพริบตาปริบ ๆ พร้อมกับกลืนน้ำลายลงไป

ใบหน้าของนางตอนนี้แดงจนน่าอับอาย

จี้อู๋เจวี๋ยทรงขมวดพระขนง ก็ทรงรู้สึกว่านางที่อยู่ในอ้อมพระหัตถ์ของเขาดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ นอกจากจะไม่ต่อต้าน แต่ยังปล่อยให้เขาทรงกอดนางได้อย่างตามสบายพระทัย

เมื่อก้มพระพักตร์ไปมอง ก็พบว่ามีสีแดงที่น่าสงสัยสองพวงประดับอยู่บนใบหน้าของนาง

หรือว่านางจะป่วย ?

ทันใดนั้นเขาก็ทรงเรียกเฉาจงเฉวียนเข้ามา เชาจงเฉวียนก็มีความพอดีไม่ได้ล้ำเส้นเข้าไปในห้องพร้อมกับรอรับสั่งอยู่ที่ปากประตู

“ไปตามแพทย์หลวงมาที”

ลู่ยุ๋นหลัวถอนสายตาที่จ้องอยู่กลับมาอย่างยากลำบากพร้อมกับทูลถาม "ฝ่าบาท ใครป่วยรึเพคะ ?"

"ตอนนี้ใบหน้าเจ้าแดงก่ำ อุณหภูมิร่างกายเจ้าก็สูงเล็กน้อย เจ้าไม่รู้สึกว่าร่างกายเจ้าไม่สบายหรอกรึ ?" จี้อู๋เจวี๋ยตรัสไปพลางขณะที่ทรงแตะหน้าผากของนางไปพลาง

ลู่ยุ๋นหลัวพูดไม่ออก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น