ผู้เฒ่าเก่อตกตะลึง
ผู้เฒ่าถัง นี่เจ้ากำลังโทษนายหญิงฮองเฮาอยู่เหรอ ?
ขณะนั้น เขาเหลือบมองไปยังลู่ยุ๋นหลัวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทันที
เขากลับเห็นเพียงแต่ใบหน้าของนางที่มีรอยยิ้มอ่อนประดับไว้กำลังจ้องมองผู้เฒ่าถัง
ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง จู่ ๆ ในใจของผู้เฒ่าเก่อก็ตื่นตระหนกขึ้นมา เขารู้สึกว่าเพื่อนที่ดีของเขาคนนี้ต้องการทำให้นายหญิงขุ่นพระทัย
ทันใดนั้น เขาก็รีบขยิบตาให้ผู้เฒ่าถังอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ผู้เฒ่าถังก็ไม่ได้ตระหนักถึงสัญญานสายตานั้นเลย เขายังคงพูดอย่างโกรธเคืองต่อไป "เจ้าว่า เพื่อแค่ปลอมโยนประชาชนนายหญิงฮองเฮาก็ไม่ควรที่จะโกหกคำโตล้นฟ้าถึงขนาดนั้นสิ ? ใช่ไม่ใช่ ?"
“พวกเราไม่ควรหลอกประชาชน ขอเพียงเห็นอกเห็นใจประชาชน เมื่อถึงเวลาพวกเขาถึงจะร่วมมือกับเราไม่วิ่งเพ่นพ่านไปทั่วและดูแลตัวเองอย่างดี การทำเช่นนี้สิถึงจะทำให้โรคฝีดาษแพร่กระจายได้น้อยลง เจ้าก็รู้อารมณ์ของข้าดี พอหันไปเมื่อคนอื่น ๆ มาที่นี่ เจ้าก็ต้องลุกขึ้นช่วยข้าพูดด้วยนา ? อย่าปล่อยให้นายหญิงโกหกคำโตล้นฟ้าแบบนี้ ประชาชนจะเดือดร้อนเอา !”
เขามาที่อำเภอไท่หลิงมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
สถานการณ์โรคระบาดของอำเภอไท่หลิงมาถึงขั้นที่ไม่สามารถรับมือได้แล้วในตอนนี้ได้อย่างไร เขานั่นย่อมรู้ดีกว่าใคร
เป็นเพราะไอเจ้าอำเภอแซ่เฉานั่นที่ปกปิดข่าวการระบาดโรคฝีดาษ และยังไม่ใช้มาตรการแยกกักกันที่จำเป็นอีก จนนำไปสู่หายนะใหญ่ถึงขั้นนี้
"ผู้เฆ่าเก่อ ตาเจ้าเป็นอะไร ?" ในที่สุดผู้เฒ่าถังก็พบว่าผู้เฒ่าเก่อเล่นหูเล่นตาให้เขาอยู่ตลอด
สายตาของเขาเอาแต่ขยิบมองแม่สาวน้อยที่อยู่ข้าง ๆ หมายความว่าอย่างไรกัน ?
ผู้เฒ่าถังเหลือบตามสายตานั้นมองที่ลู่ยุ๋นหลัว
พอพูดขึ้นมาแม่สาวน้อยคนนี้ก็ดูไม่เลวเลยจริง ๆ
อายุก็ยังอ่อนวัย แม้จะยังสาวก็มีทักษะทางการแพทย์ที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้แล้ว
ดูจากอายุของสาวน้อยคนนี้แล้ว ดูเหมือนนางจะอายุไล่เลี่ยกับนายหญิงฮองเฮาของพวกเขา
ผู้เฒ่าถังอดไม่ได้ที่จะเริ่มเปรียบเทียบทั้งสองคน
แม่สาวน้อยตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าอารมณ์ก็ไม่เลว ทักษะทางการแพทย์ก็ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังไม่กลัวความเหน็ดเหนื่อยและลำบาก
โดยเฉพาะฉากที่นางฉีกแขนเสื้อในวันนี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังทำให้เขาตกใจไม่น้อย
ไม่ว่าจะมองสาวน้อยคนนี้จนพอใจแค่ไหน
แต่นายหญิงฮองเฮาคนนั้น
ได้ข่าวว่าเข้าเมืองมาตั้งแต่เช้า
แต่ไม่ว่าข้างนอกจะน่าสังเวชเพียงใด ก็แทบไม่เคยเห็นนายหญิงฮองเฮาออกมาเผชิญหน้าเลยสักครั้ง
เว้นแต่ตอนที่ผู้คนโวยวายต่อต้านตอนนั้น นางถึงไปที่นั่นอย่างไม่เต็มใจ ได้ยินมาจากทหารอารักขาที่ปากประตูพูดไว้ ว่าหลังจากนั้นนางก็กลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน
แม้ว่านางจะเป็นนายหญิงฮองเฮา นางอยากจะคิดอย่างไรก็ไม่มีใครสามารถควบคุมสิ่งที่นางคิดได้
แต่ตอนนี้ ผู้คนในอำเภอไท่หลิงกำลังอยู่ในสถานการณ์น้ำลึกไฟร้อน (น้ำลึกไฟร้อน หมายถึง สถานการณ์ที่ยากลำบาก)
ทำไมนางถึงยังพักผ่อนอยู่ในห้องต่อไปได้ ?
ผู้เฒ่าถังถอนหายใจและส่ายหัว ดวงตาของเขาจับจ้องที่ลู่ยุ๋นหลัว "สาวน้อย เจ้านั้นไม่เลวเลย เจ้าสนใจที่จะมาที่สำนักแพทย์ของพวกเราไหมล่ะ ? ดูจากความเก่งกาจของเจ้าแล้ว มาเป็นแพทย์ราชการระดับแปดก็ยังน้อยไปสำหรับเจ้าด้วยซ้ำ เจ้าว่าไงล่ะ ?”
แม้วจะพูดได้ว่าการเป็นข้าราชการสำหรับอิสตรีจะยากไปสักหน่อย
แต่ด้วยทักษะทางการแพทย์ที่น่าทึ่งของสาวน้อยคนนี้ นางก็สามารถเป็นได้
เมื่อเห็นต้นกล้าที่งอกงามดี ผู้เฒ่าถังในฐานะอาจารย์แพทย์ของสำนักแพทย์ ย่อมต้องอยากรับมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยปกติอยู่แล้ว เพื่อรับใช้ราชสำนัก
ผู้เฒ่าเกอที่อยู่ด้านข้างรู้สึกละอายจนไม่มีหน้าที่จะหันไปดูต่อได้
เมื่อสักครู่ได้เอานายหญิงฮองเฮาลดระดับไปจนแทบไม่มีค่า พอพริบตาก็เริ่มลงมือพูดชมโออ้อวดจนเกินจริงอีกครั้ง
เมื่อลู่ยุ๋นหลัวกำลังที่จะอ้าปากพูด ขุนนางหลิวยู่ชึก็เดินเข้ามาพอดี
เสียงของเขาดังมาจากที่ไกล ๆ "ผู้เฒ่าถัง ในที่สุดข้าก็พบเจ้า !"
หลังจากที่เขาจัดการงานทุกอย่างในมือเรียบร้อยแล้วก็รีบมาทันที
เพราะเหตุไฟไหม้ครั้งนั้น ทำให้หลายคนไร้ที่อยู่อาศัย ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ต้องอาศัยอยู่ในเต็นท์ที่กางขึ้นชั่วคราว
ผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากก็เช่นเดียวกัน โดยเบียดตัวนอนรวมกันอยู่ในเต็นท์
ถ้าปกติก็คงไม่เป็นอะไร
แต่ช่วงเวลานี้โรคฝีดาษยังคงระบาดมาก
การอาศัยอยู่ในเต็นท์ร่วมกันก็ยังคงเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แต่คนเหล่านั้นก็ไม่มีที่อยู่อาศัยจริง ๆ
เขาจึงต้องการถามผู้เฒ่าถังว่าควรจัดการอย่างไรดี เพราะได้ยินว่าผู้เฒ่าถังได้มาที่จวนราชการอำเภอแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบมา
หลังจากเดินเข้ามา ก็เห็นลู่ยุ๋นหลัวนั่งอยู่ที่โต๊ะ เขาจึงรีบถวายคำนับอย่างร้อนรน "ถวายบังคมนายหญิงฮองเฮา"
ผู้เฒ่าถังตัวแข็งทื่อในทันที สายตาของเขาจับจ้องไปที่ลู่ยุ๋นหลัวที่อยู่ข้าง ๆ เขา
นาง……
คือฮองเฮา ?
ลู่ยุ๋นหลัวมองไปที่ผู้เฒ่าถังที่สีหน้าตกตะลึงด้วยความพึงพอใจ และพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย "ลุกขึ้นเถอะ"
"ขอบพระทัยนายหญิง !"
ลู่ยุ๋นหลัวลุกขึ้นพร้อมกับยิ้มและพูดด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน "ข้าจำได้ว่ายังมีโจ๊กถั่วเหลืออยู่ในครัว ผู้เฒ่าถัง ท่านคงทำงานอย่างหนักเพื่อจัดการกับโรคระบาดอย่างลำบากมาหลายวันแล้ว อย่าลืมกินโจ๊กถั่วในครัวให้หมดด้วย อย่าให้อาหารเหลือเสียของ"
หลังจากนางจากไป ผู้เฒ่าเก่อยิ้มอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
สีหน้าอารมณ์ของผู้เฒ่าถังยิ่งตระการตามากขึ้นไปอีก ทั้งประหลาดใจ ทั้งหงุดหงิด โดยรวมแล้วมันช่างซับซ้อนมาก
เนินเขาด้านนอกของอำเภอไท่หลิง
ชายคนหนึ่งยืนเอามือไพล่หลัง
เงาดำอีกร่างก็เข้ามารายงาน "นายท่าน การก่อความวุ่นวายถูกทำให้สงบแล้วพะยะค่ะ"
ชายคนนั้นมองไปที่ประตูเมืองบานใหญ่ที่เล็กกระจิดจากที่ไกล ๆ และกล่าวเอ่ย "ไม่ใช่ปัญหา"
ตอนนี้โรคระบาดกำลังระบาดคุกคามในอำเภอไท่หลิงอย่างรุนแรง
จุดประสงค์ของเขาได้บรรลุแล้ว
"นายท่าน ฮองเฮาแห่งอาณาจักรตงหลานได้ตรัสไว้ว่าสามารถขจัดโรคฝีดาษนี้ให้หมอสิ้นไปได้" เงาดำนั้นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดประโยคที่ได้ยินเมื่อสักครู่นั้นออกมา
แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อก็ตาม
แต่คำพูดหนักแน่นของหญิงสาวคนนั้นทำให้เขาอดที่จะไม่สนใจไม่ได้
ชายผู้นั้นหัวเราะเย้ยหยัน "ฮองเฮาแห่งอาณาจักรตงหลานท่านนี้ช่างพูดจาคุยโวโอ้อวดเสียจริง แม่แต่คำโกหกล้นฟ้าเรื่องรักษาโรคฝีดาษก็ยังพูดออกมาได้"
ความรุนแรงของโรคฝีดาษนี้ อาณาจักรเป่ยชางก็เคยประสบพบเจอมาแล้ว
เป็นเวลาหลายปี ที่หลายต่อหลายอาณาจักร หลายต่อหลายจักรพรรดิล้วนไม่มีวิธีรับมือโรคฝีดาษนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
แค่ฮองเฮาตัวกระจ้อยร่อยแห่งอาณาจักรตงหลานแค่คนเดียวกลับกล้าที่คุยโวโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกกระดากอายว่าจะกำจัดโรคฝีดาษให้หมดสิ้นได้หรือไม่
ผู้หญิงโง่ ๆ คนนี้เนี่ยนะที่จี้อู๋เจวี๋ยทรงแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮา ?
จี้อู๋เจวี๋ยไม่เพียงแต่พระเนตรที่มองเห็นวิสัยทัศน์ได้ไม่ดี แต่สมองก็คงไม่ดีด้วยกระมัง ?
เขาหันกลับมาอย่างเฉยเมย “สั่งคนของเราให้ถอยทันที”
"พะยะค่ะ !"
ณ โถงใหญ่ของจวนอำเภอ
ลู่ยุ๋นหลัวนั่งอยู่ด้านข้างและฟังผู้คนด้านล่างรายงานสถานการณ์ปัจจุบันในเมืองโดยละเอียด
"ก่อนเกิดไฟไหม้ ภายในเมืองได้อ้างอิงคำบัญชาของท่านอ๋องเฉินให้มีการตั้งเต็นท์มากกว่า 200 หลัง โดยอ้างอิงแยกผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันและผู้ป่วยต้องสงสัยออกจากกัน เมื่อวานนี้จำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วคือ 9,104 ราย มีผู้ป่วยต้องสงสัยมากกว่า 5,000 ราย และเสียชีวิตแล้วถึง 2,643 ราย"
รายการตัวเลขจำนวนมากที่รายงานโดยผู้เฒ่าถังนั้นน่าตกใจ
เป็นเวลาสั้นกว่ายี่สิบวันแล้วนับตั้งแต่การพบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษจนถึงปัจจุบัน
นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนติดเชื้อมากมายขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่ออ้างอิงตามอัตราส่วนนี้ อัตราการเสียชีวิตนั้นน่าสะพรึงกลัวจริง ๆ
อีกทั้งโรคฝีดาษนี้ยังมีระยะฟักตัวนานถึง 14 วัน และในช่วงระยะฟักตัวยังสามารถแพร่ติดต่อกันได้
ในบรรดาผู้คนในเมือง จะต้องมีผู้ป่วยจำนวนมากที่อยู่ในระยะฟักตัวและยังไม่แสดงอาการแน่นอน
ดูเหมือนโรคระบาดรุนแรงเช่นนี้ หากไม่สามารถแยกผู้ป่วยที่อยู่ในระยะฟักตัวออกมาได้ทันเวลา สถานการณ์การโรคระบาดนี้เกรงว่าอาจจะไม่สามารถหยุดยั้งเอาไว้ได้
อย่างไรก็ตามเมื่ออ้างอิงเงื่อนไขการรักษาในสมัยโบราณ การจะคัดผู้ป่วยที่ยังไม่แสดงอาการของโรคออกมาได้ ก็คงยากยิ่งกว่าการปีนขึ้นท้องฟ้า
"อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านเหตุการณ์ไฟไหม้ในวันนี้ เกรงว่าคงผ่านไปได้อีกไม่กี่วันจำนวนผู้ติดเชื้อจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน" ผู้เฒ่ากล่าวอย่างจริงจัง
ทุกคนเริ่มหารือกันอีกครั้ง
ยกตัวอย่างเช่น สถานการณ์ปัจจุบันที่คนรวมตัวกันในเต็นท์
หรือเรื่องที่ต้องการจะสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างซึ่งต้องใช้เวลาไม่น้อย
แต่ช่วงเวลานี้การจะหลีกเลี่ยงการวมกันได้อย่างไร เป็นประเด็นที่ผู้คนถูกพูดถึงกันมากที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...