จวนราชการของอำเภอไท่หลิง
นอกจากทหารอารักขาสองคนที่คุ้มกันตรงปะตูแล้ว ก็เหมือนจะเป็นที่ว่างเปล่าและไม่มีใครอยู่ทั้งนั้น
ทุกคนล้วนถูกหลิวยู่ชึส่งไปช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระแล้ว
แม้แต่หยินซวางก็ยังถูกลู่ยุ๋นหลัวส่งให้ออกไปช่วยต้มยาตั้งแต่เช้าแล้วเช่นกัน
วันนี้ลู่ยุ๋นหลัวตื่นเช้าและก็ยุ่งตลอดทั้งวันโดยไม่ได้กินอะไรจนท้องของนางหิวตั้งนานแล้ว
นางลุกขึ้นเดินไปที่ครัวเพื่อดูว่ามีอะไรทานบ้าง
หลังจากหาอยู่นานก็เจอแต่โจ๊กถั่วที่เย็นค้างอยู่ในหม้อ
ซึ่งควรที่จะอุ่นให้ร้อนในตอนเที่ยง
ลู่ยุ๋นหลัวได้ยินมานานแล้วว่าสภาพชีวิตของผู้คนในอาณาจักรตงหลานไม่ดีนัก ไม่มีปัญญาแม้จะไปทานข้าวสารได้ ดูเหมือนจะล้วนทานแต่โจ๊กถั่วเพื่อให้อิ่มท้อง
ทันใดนั้นนางก็ตักมาให้ตัวเองหนึ่งถ้วย
เพียงแต่โจ๊กถั่วเพียงอย่างเดียวคงทานไม่อิ่ม
และเมื่อนึกถึงว่าหลังจะผ่านช่วงดึกของวันนี้ยังมีศึกที่ต้องต่อสู้อีก
นางก็หยิบซาลาเปาในมิติพิเศษออกมาสองสามลูก
ซาลาเปาได้หยินซวางนึ่งเอาไว้ให้ล่วงหน้าและเก็บเอาไว้ภายในมิติพิเศษ
ภายในมิติพิเศษสามารถรักษาสภาพของอาหารไว้คงเดิมเท่ากับเมื่อตอนนำอาหารใส่เข้าไป ดังนั้นเมื่อนำซาลาเปาออกมาก็จะยังคงร้อนเหมือนเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ ๆ
หลังจากกินซาลาเปาไส้ผักไปสามลูก ก็เดินออกไปพร้อมกับถ้วยโจ๊กถั่ว
ซึ่งก็พอเหมาะได้พบเข้ากับผู้เฒ่าเก่อที่กำลังเดินมา
เมื่อผู้เฒ่าเก่อเห็นลู่ยุ๋นหลัวที่ในมือถือโจ๊กถั่วอยู่ เขาก็ผงะไปอย่างเห็นได้ชัด
นายหญิงฮองเฮากินของแบบนี้จริงหรือ ?
นึกไม่ถึงว่าท่านจะห่วงใยประชาชนอย่างใจจริง
ทันใดนั้นเขาก็หันไปมองที่ลู่ยุ๋นหลัวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
โจ๊กถั่วนี้นอกจนคนจนที่ฐานะยากจนที่จะมักรับประทานแล้ว คนอื่น ๆ ที่ทางครอบครัวมีฐานะดีอยู่หน่อยก็ล้วนไม่กินกันทั้งนั้น
เนื่องจากโจ๊กถั่วมีกลิ่นถั่วที่แรงมากและก็กลืนลำบาก
“นายหญิงท่านทรงห่วงใยประชาชนอย่างใจจริง ช่างน่าชื่นชมเสียจริงพะยะค่ะ”
เมื่อหวนนึกคิดไปถึงตอนก่อนออกเดินทาง เขาคิดว่านายหญิงฮองเฮาเป็นเพียงสตรีที่บอบบางและลึกล้ำอยู่ภายในวัง ทันใดนั้นก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย
สีหน้าของลู่ยุ๋นหลัวชะงักไปชั่วคราว
นางรู้สึกละอายใจทันที่ที่เขาสวมหมวกสูงเช่นนี้ให้กับนาง(สวมหมวกสูง หมายถึง การเยินยอ)
นางก็แค่เห็นโจ๊กถั่วนี้และอยากลองชิมโจ๊กถั่วเท่านั้นว่ามีรสชาติอย่างไรก็เท่านั้น
ถึงอย่างไรในเมื่อถูกผู้เฒ่าเก่อสวมหมวกให้แล้ว
งั้นการเสพสุขแต่เพียงคนเดียวก็คงไม่เท่ากับร่วมแบ่งปันเสพสุขด้วยกัน
“ผู้เฒ่าเก่อ ข้าเห็นว่ายังมีโจ๊กถั่วเหลืออยู่ในครัว เจ้าคงยังไม่ได้ทานข้าวมา เจ้าก็ไปตักมาทานด้วยกันสิ”
"คือว่า..." ผู้เฒ่าเก่อลังเล
เขาเคยกินโจ๊กถั่วนี้มาก่อน รสชาตินั้น ช่างยากที่จะกลืนลงไปได้จริง ๆ
แต่ในเมื่อนายหญิงฮองเฮาพูดมาแล้ว เขาก็ไม่กล้าขัดขืนเป็นปกติอยู่แล้ว
เขาเข้าไปที่ห้องครัวและหยิบชามออกมา
"มานั่งสิ ออกมานอกวังแล้ว เจ้าไม่ต้องพิธีรีตรองมากขนาดนั้น" ที่นี่มีโต๊ะเพียงตัวเดียว คงจะให้คนมายืนทานไม่ได้หรอก
หลังจากเขาถวายบังคมขอบพระทัยแล้ว เขาก็นั่งลงตรงข้ามลู่ยุ๋นหลัว
แต่เขากลับนั่งหลังตรงจ้องเขม็งไปที่เม็ดสีเหลืองในชามและไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย
เมื่อคิดถึงจุดประสงค์ของเขาที่มาที่นี่ เขาก็ทูลถามในทันที "นายหญิงพะยะค่ะ ข้าน้อยเพิ่งได้ยินมาว่าท่านตรัสต่อหน้าพสกนิกรว่าจะขจัดโรคฝีดาษให้หมดสิ้นไปได้ เป็นเรื่องจริงหรือไม่พะยะค่ะ"
ลู่ยุ๋นหลัวพยักหน้า "แน่นอน"
พร้อมกับตักโจ๊กถั่วเข้าปากไป
ทันใดนั้นกลิ่นถั่วที่รุนแรงก็โชยเข้าจมูกและอบอวลไปทั่วลำคอของนาง
นางเผลอขมวดคิ้วและกลืนลงคอไป
รสชาติแย่มาก !
“นายหญิงพะยะค่ะ ท่านได้ค้นพบวิธีการอะไรใหม่งั้นรึ ?” ผู้เฒ่าเก่อถามอย่างกระวนกระวายใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออ่านอยู่นะคะ...
ชอบเรื่องนี้มากนางเอกไม่อยากอยู่ในวัง..มาอัพต่อนะคะรออ่านค่ะ......
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...