ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 224

จวนราชการของอำเภอไท่หลิง

นอกจากทหารอารักขาสองคนที่คุ้มกันตรงปะตูแล้ว ก็เหมือนจะเป็นที่ว่างเปล่าและไม่มีใครอยู่ทั้งนั้น

ทุกคนล้วนถูกหลิวยู่ชึส่งไปช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระแล้ว

แม้แต่หยินซวางก็ยังถูกลู่ยุ๋นหลัวส่งให้ออกไปช่วยต้มยาตั้งแต่เช้าแล้วเช่นกัน

วันนี้ลู่ยุ๋นหลัวตื่นเช้าและก็ยุ่งตลอดทั้งวันโดยไม่ได้กินอะไรจนท้องของนางหิวตั้งนานแล้ว

นางลุกขึ้นเดินไปที่ครัวเพื่อดูว่ามีอะไรทานบ้าง

หลังจากหาอยู่นานก็เจอแต่โจ๊กถั่วที่เย็นค้างอยู่ในหม้อ

ซึ่งควรที่จะอุ่นให้ร้อนในตอนเที่ยง

ลู่ยุ๋นหลัวได้ยินมานานแล้วว่าสภาพชีวิตของผู้คนในอาณาจักรตงหลานไม่ดีนัก ไม่มีปัญญาแม้จะไปทานข้าวสารได้ ดูเหมือนจะล้วนทานแต่โจ๊กถั่วเพื่อให้อิ่มท้อง

ทันใดนั้นนางก็ตักมาให้ตัวเองหนึ่งถ้วย

เพียงแต่โจ๊กถั่วเพียงอย่างเดียวคงทานไม่อิ่ม

และเมื่อนึกถึงว่าหลังจะผ่านช่วงดึกของวันนี้ยังมีศึกที่ต้องต่อสู้อีก

นางก็หยิบซาลาเปาในมิติพิเศษออกมาสองสามลูก

ซาลาเปาได้หยินซวางนึ่งเอาไว้ให้ล่วงหน้าและเก็บเอาไว้ภายในมิติพิเศษ

ภายในมิติพิเศษสามารถรักษาสภาพของอาหารไว้คงเดิมเท่ากับเมื่อตอนนำอาหารใส่เข้าไป ดังนั้นเมื่อนำซาลาเปาออกมาก็จะยังคงร้อนเหมือนเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ ๆ

หลังจากกินซาลาเปาไส้ผักไปสามลูก ก็เดินออกไปพร้อมกับถ้วยโจ๊กถั่ว

ซึ่งก็พอเหมาะได้พบเข้ากับผู้เฒ่าเก่อที่กำลังเดินมา

เมื่อผู้เฒ่าเก่อเห็นลู่ยุ๋นหลัวที่ในมือถือโจ๊กถั่วอยู่ เขาก็ผงะไปอย่างเห็นได้ชัด

นายหญิงฮองเฮากินของแบบนี้จริงหรือ ?

นึกไม่ถึงว่าท่านจะห่วงใยประชาชนอย่างใจจริง

ทันใดนั้นเขาก็หันไปมองที่ลู่ยุ๋นหลัวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม

โจ๊กถั่วนี้นอกจนคนจนที่ฐานะยากจนที่จะมักรับประทานแล้ว คนอื่น ๆ ที่ทางครอบครัวมีฐานะดีอยู่หน่อยก็ล้วนไม่กินกันทั้งนั้น

เนื่องจากโจ๊กถั่วมีกลิ่นถั่วที่แรงมากและก็กลืนลำบาก

“นายหญิงท่านทรงห่วงใยประชาชนอย่างใจจริง ช่างน่าชื่นชมเสียจริงพะยะค่ะ”

เมื่อหวนนึกคิดไปถึงตอนก่อนออกเดินทาง เขาคิดว่านายหญิงฮองเฮาเป็นเพียงสตรีที่บอบบางและลึกล้ำอยู่ภายในวัง ทันใดนั้นก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย

สีหน้าของลู่ยุ๋นหลัวชะงักไปชั่วคราว

นางรู้สึกละอายใจทันที่ที่เขาสวมหมวกสูงเช่นนี้ให้กับนาง(สวมหมวกสูง หมายถึง การเยินยอ)

นางก็แค่เห็นโจ๊กถั่วนี้และอยากลองชิมโจ๊กถั่วเท่านั้นว่ามีรสชาติอย่างไรก็เท่านั้น

ถึงอย่างไรในเมื่อถูกผู้เฒ่าเก่อสวมหมวกให้แล้ว

งั้นการเสพสุขแต่เพียงคนเดียวก็คงไม่เท่ากับร่วมแบ่งปันเสพสุขด้วยกัน

“ผู้เฒ่าเก่อ ข้าเห็นว่ายังมีโจ๊กถั่วเหลืออยู่ในครัว เจ้าคงยังไม่ได้ทานข้าวมา เจ้าก็ไปตักมาทานด้วยกันสิ”

"คือว่า..." ผู้เฒ่าเก่อลังเล

เขาเคยกินโจ๊กถั่วนี้มาก่อน รสชาตินั้น ช่างยากที่จะกลืนลงไปได้จริง ๆ

แต่ในเมื่อนายหญิงฮองเฮาพูดมาแล้ว เขาก็ไม่กล้าขัดขืนเป็นปกติอยู่แล้ว

เขาเข้าไปที่ห้องครัวและหยิบชามออกมา

"มานั่งสิ ออกมานอกวังแล้ว เจ้าไม่ต้องพิธีรีตรองมากขนาดนั้น" ที่นี่มีโต๊ะเพียงตัวเดียว คงจะให้คนมายืนทานไม่ได้หรอก

หลังจากเขาถวายบังคมขอบพระทัยแล้ว เขาก็นั่งลงตรงข้ามลู่ยุ๋นหลัว

แต่เขากลับนั่งหลังตรงจ้องเขม็งไปที่เม็ดสีเหลืองในชามและไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย

เมื่อคิดถึงจุดประสงค์ของเขาที่มาที่นี่ เขาก็ทูลถามในทันที "นายหญิงพะยะค่ะ ข้าน้อยเพิ่งได้ยินมาว่าท่านตรัสต่อหน้าพสกนิกรว่าจะขจัดโรคฝีดาษให้หมดสิ้นไปได้ เป็นเรื่องจริงหรือไม่พะยะค่ะ"

ลู่ยุ๋นหลัวพยักหน้า "แน่นอน"

พร้อมกับตักโจ๊กถั่วเข้าปากไป

ทันใดนั้นกลิ่นถั่วที่รุนแรงก็โชยเข้าจมูกและอบอวลไปทั่วลำคอของนาง

นางเผลอขมวดคิ้วและกลืนลงคอไป

รสชาติแย่มาก !

“นายหญิงพะยะค่ะ ท่านได้ค้นพบวิธีการอะไรใหม่งั้นรึ ?” ผู้เฒ่าเก่อถามอย่างกระวนกระวายใจ

บทที่ 224 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น