ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 42

เพียงเช้าวันที่สอง ข่าวดีอีกระลอกก็ทยอยมาอย่างไม่ขาดสาย

ราคาธัญพืชที่มณฑลซ่างหยวนกลับพุ่งดิ่งลงเพียงชั่วข้ามคืน

เหตุอันเนื่องมาจากธัญพืชที่ถูกกักตุนไว้จำนวนมากถูกนำเข้ามาที่มณฑลซ่างหยวนอย่างมากเกินกว่าความจำเป็น พ่อค้าที่กักตุนไว้น้อยก็ตัดราคาพ่อค้าที่กักตุนไว้มากเพื่อหวังว่าจะขายได้ จนท้ายที่สุดจึงนำไปสู่การกดราคากันเองทำให้ราคาในตลาดต่ำลง

เพียงพ่อค้าเห็นผู้คนไปซื้อกับพ่อค้าเจ้าอื่นก็รีบปรับราคาลงเพื่อหวังว่าของที่อุตส่าห์กักตุนมาจะขายออก

และเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น

ราคาธัญพืชก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง

คนพื้นที่มณฑลซ่างหยวนต่างตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ทำไมเวลาเพียงแค่วันเดียวราคาธัญพืชก็กลับมาลงมาถึงจุดต่ำสุดได้อีกครั้งกัน

เดิมทีพ่อค้าเหล่านั้นก็หวังจะขายทำกำไรกันเป็นกอบเป็นกำ แต่ตอนนี้แค่ขายธัญพืชให้หมดก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

กว่าเกือบสองวันที่ใต้เท้าโจวอดหลับอดนอน เพียงได้ยินข่าวดีนี้ก็เผลอถอนหายใจโล่งอกขึ้นมา

ก่อนที่เขาจะนอนก็ยังคงนึกถึงท่านอ๋องน้อยรุ่ยว่าทรงพระปรีชาสามารถตั้งแต่เมื่อใด ด้วยพระราชสาส์นเพียงแค่ใบเดียวเดิมที่ก็ราวกับจะทำให้ทุกอย่างโกลาหลยิ่งกว่าเก่าแต่กลับกลายเป็นช่วยมณฑลซ่างหยวนเอาไว้เพียงข้ามคืน ทรงพระปรีชาสามารถจริง ๆ

ช่วงสองวันนี้ลู่ยุ๋นหลัวอยู่แต่ภายในตำหนักเย็นหมกมุ่นคิดค้นวิจัยการทำดินปืน

ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่นางใส่ส่วนผสมอัตราส่วนผิดพลาดซึ่งอีกนิดเดียวนางก็สามารถระเบิดตัวเองตายได้เลย

แต่โชคยังดีที่นางหลบเข้าไปในมิติพิเศษได้ทัน

ตอนช่วงการระเบิดครั้งแรกนั้นหยินซวางตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ แต่ภายหลังเมื่อนางคิดทบทวนเกี่ยวกับนางหญิงที่ขนาดสามารถนำหินมาเปลี่ยนเป็นก้อนน้ำแข็งได้ มันคงไม่มีเรื่องน่าอัศจรรย์ใดไปมากกว่านี้อีกแล้ว

ในทางตรงกันข้าม แรงระเบิดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรอีกเลย

เมื่อรวมกับช่วงสองวันที่ผ่านมานางก็มัวแต่อยู่ที่ตำหนักในด้านหน้าเพื่อสอดแนมข้อมูลต่าง ๆ นั่นเท่ากับว่าตอนกลางวันนางแถบจะไม่ได้อยู่ที่ตำหนักเย็นเลย ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อนางเท่าไหร่นัก

ไม่ว่าจะอย่างก็ตาม การที่นายหญิงของนางเริ่มศึกษาค้นคว้าสิ่งเหล่านี้นั้นถือว่าปกติแล้ว

“หยินซวาง วันนี้เจ้าเลิกออกไปเดินเตร็ดเตร่ข้างนอกได้แล้ว”

“ทำไมหรือเพคะ ?” ถ้าไม่ออกไปจะสอดแนมหาข้อมูลได้อย่างไร ? เดิมที่พวกนางก็พักอยู่ห่างไกลผู้คนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งต่อให้สองวันก่อนองค์จักรพรรดิเสด็จมาเยือนแต่สองวันที่ผ่านมานี้ก็ไม่เสด็จกลับมาอีกเลย

คนข้างกายนายหญิงก็มีแค่บ่าวรับใช้คนเดียว ถ้านางไม่ออกไปแอบฟังสอดแนมข้อมูลพวกนี้แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าองค์จักรพรรดินั้นทรงกำลังทำอะไรอยู่ ?

ลู่ยุ๋นหลัวเหลือบตามองบรรยากาศที่ร้อนอบอ้าวด้านนอก “วันนี้ฝนจะตกฟ้าคะนอง”

“ฝนตกฟ้าคะนอง ?” หยินซวางแหงนคอมองพระอาทิตย์ที่กำลังแผดจ้าอยู่เหนือหัวนางด้วยความงุนงงสับสน

แดดจ้าขนาดนี้จะฝนตกได้ยังไง ?

ลู่ยุ๋นหลัวยิ้มออกมาโดยไม่มีการอธิบายใด

 นางเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องทดลองที่นางทำขึ้นซึ่งไม่ไกลจากห้องนอนนัก

นี่คือเพิงไม้โล่ง ๆ ชั่วคราวที่นางสร้างขึ้นสำหรับการทดลองดินปืนโดยเฉพาะ

และนางก็เริ่มการทดลองดินปืนอีกครั้ง

ณ ภายในราชสำนัก

จี้อู๋เจวี๋ยสวมฉลองพระองค์สีทองลายมังกรประทับอยู่ที่โถงใหญ่

บนพระเกศาส่องแสงระยิบระยับของมงกุฎสีทองซึ่งทำให้พระพักตร์หล่อเหลาขึ้นราวกับเทวดา ด้วยบรรยากาศของจักรพรรดิที่มีมาแต่โดยกำเนิดนั่นยิ่งทำให้ผู้คนมิอาจกล้าที่จะสบมอง

เขาทรงนำกระดาษที่พับถบไปมาถือเล่นอยู่ในมือขณะที่ฟังรายงานจากองคมนตรีของสำนักราชการในพระองค์

“องค์จักรพรรดิ ฝ่ายราชการจากทุกพื้นส่วนกราบขอกล่าวบังคมทูล พวกบรรดาเศรษฐีตอนนี้เริ่มกักตุนธัญพืชไว้เป็นจำนวนมาก เพียงชั่วเวลาสั้น ๆ นี้ราคาธัญพืชก็กลับพุ่งสูงขึ้น ถึงแม้ว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะคลี่คลายด้วยการกำหนดเพดานราคาให้อยู่ในขอบเขต แต่หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป  ผู้คนก็จะมีแต่จะกักตุนธัญพืชมากขึ้นไปอีก และท้ายที่ที่สุดธัญพืชเหล่านี้ก็จะขาดตลาดไม่เพียงพอต่อพสกนิกรพะยะค่ะ” มหาเสนาบดีหลู่กล่าวทูลอย่างวิตกกังวล

นี่เป็นปรากฏการณ์ที่อาณาจักรตงหลานไม่เคยพบเจอมาก่อน

พสกนิกรก็ต่างต้องการอาหาร ถ้าหากจัดการไม่ดี ผลลัพธ์ที่ตามมาก็อาจจะยากเกินคาดเดาได้

จี้อู๋เจวี๋ยมองกระดาษที่อยู่ในมือเขาด้วยสีหน้าเย็นชา และนี่ก็ครบกำหนดสองวันแล้ว

ก่อนที่เขาจะเข้ามายังภายในราชสำนักนั้น เขาบังเอิญเจอและหยิบกระดาษที่ลืมทิ้งไว้บนโต๊ะภายในห้องทรงตำรามาด้วย

เมื่อนึกท่าทีและคำมั่นสัญญาของนางในวันนั้นออก เขาก็เปิดกระดาษที่พับทบไว้ออกเพื่ออ่านมัน

บนกระดาษใบนั้นกลับเขียนด้วยเนื้อหาไว้คร่าว ๆ ว่า วันนี้ในช่วงเวลานี้จะมีฝนตกฟ้าคะนอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น