ในขณะที่จี้อู๋เจวี๋ยทรงงานจดบันทึกอยู่ขณะนั้น เงาดำร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหลังของจี้อู๋เจวี๋ย
จี้อู๋เจวี๋ยเหลือบมองเงานั้นและเอ่ยกล่าว "ได้เรื่องอะไรบ้าง ?"
"ฝ่าบาท ข้าน้อยตามรอยนางไปจนถึงตำหนักในเสวี่ยฮวา ข้าน้อยเฝ้ารอนางอยู่ตลอดแต่นางก็ไม่ได้ออกมาจากตำหนักแม้แต่ก้าวเดียว จนกระทั่งเช้าวันนี้ ข้าน้อยได้ตรวจบัญชีรายชื่อของตำหนักเสวี่ยฮวาทั้งหมด แต่กลับไม่พบหลักฐานของนางในสมุดรายชื่อ"
"ไม่มีรายชื่อ ?" จี้อู๋เจวี๋ยดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ภาพดวงตาระยิบระยับคู่นั้นที่เขาเห็นเมื่อคืนยังคงชัดเหมือนยังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าตอนนี้ เขาไม่เชื่อว่าหญิงงามที่หาใครเทียบในพระมหาราชวังแห่งนี้จะไม่มีตัวตนอยู่จริง
"ตรวจสอบต่อไป !"
“พะยะค่ะ !” เงาดำจางหายไปภายในพริบตา
จี้อู๋เจวี๋ยครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก็ตะโกนเรียกขันถีเฉาจงฉวนให้เข้าพบ
"นี่คือพระบัญชาให้ป่าวประกาศออกไป เมื่อคืนวานข้าได้ถูกหญิงนางหนึ่งชนเข้าขณะที่ข้าอยู่ที่วังหลีเซี๋ย ให้หญิงทุกนางที่อยู่ในวังมาถูกสอบปากคำ !"
เขาไม่เชื่อว่าถ้าข้าพลิกแผ่นดินหาขนาดนี้เขาจะไม่เจอนาง
“พะยะค่ะ !” ขันถีเฉาจงฉวนรับคำสั่ง
เมื่อลู่ยุ๋นหลัวตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาใกล้ช่วงบ่ายแล้ว นางลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายสักพัก หลังจากที่นางทานอาหารเสร็จนางก็เริ่มจัดการดูแลความเรียบร้อยในตำหนักและพืชผักที่นางปลูก
นางหยิบพวงองุ่นที่สุกแล้วทั้งพวงออกมาจากมิติพิเศษ แต่ละลูกที่อยู่บนพ่วงมันช่างเหมือนไข่มุกแขวนไว้คู่กับเถาวัลย์จริง ๆ และก็มีแตงโมน่าจะประมาน 7 - 8 ลูกที่สุกพร้อมรับประทาน
ผักและผลไม้ที่ได้จากมิติพิเศษที่ออกมาปลูกข้างนอกช่างมีรสชาติดีกว่าปกติทั่วไป ทุกครั้งที่ทานเข้าไปจะรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษ
"นายหญิง ไม่คิดเลยว่าตำหนักเย็นแห่งนี้ถึงจะอยู่ห่างไกล แต่ไม่คิดว่าที่ดินแถวนี่จะปลูกพืชผักอะไรก็รสชาติดีไปหมด" หยินซวางกำลังกินครึ่งลูกแตงโมอย่างเอร็ดอร่อย
แต่ก่อนหยินซวางที่ได้ทานผักผลไม้ที่ปลูกจากที่แห่งนี้ก็มีความรู้สึกแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผลไม้ที่ออกผลมาจะหวานได้ถึงเพียงนี้
แล้วยังจะอาหารภายในวังแห่งนี้ก็ค่อนข้างแปลกจากที่นางเคยทาน อาหารส่วนใหญ่นั้นนางไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
แตงโมในมือของนางก็เช่นเดียวกัน แต่ก่อนที่นางได้ติดตามนายหญิงทำงานในจวนอัครมหาเสนาบดีเป็นเวลา 7 - 8 ปีก็ไม่เคยได้ยินชื่อแตงชนิดนี้มาก่อน
และเมื่อตะวันมาเยือนอีกครั้ง พวกนางทั้ง 2 ก็แถบจะยกแขนไม่ขึ้นเลยทีเดียว
กระทั่งวันแล้ววันเล่าที่ผ่านไป พวกนางทั้ง 2 พยายามที่จะหลีกเลี่ยงแสงอันร้อนแรงในช่วงบ่าย พวกนางจึงเลือกออกไปยามเช้าตรู่และกลับตำหนักช่วงตอนกลางวัน และออกไปยามตะวันโพล้เพล้และกลับตำหนักตอนกลางดึก
และก็ผ่านพ้นจนมาถึงวันที่ 5 ที่พวกนางกำจัดวัชพืชพวกนี้ถึงจุดที่ลึกที่สุด
จนถึงตอนนี้ นางก็ยังคงไม่พบสมุนไพรใด ๆ เลยสักต้น
นั่นทำให้นางกลับมาคิดกับตัวเองว่าควรจะถอนวัชพืชเหล่านี้ต่อไปหรือไม่ จนกระทั่งสายตาของนางเหลือบไปเห็นหินไม่กี่ก้อนเข้า
"นี่มัน……"
ลู่ยุ๋นหลัวขมวดคิ้วอย่างฉงน ทำไมนางรู้สึกคลับคล้ายคลับคลากับหินพวกนี้ ?
หินก้อนนี้ช่างเหมือนกับหินที่อาจารย์ของนางให้นางทำการทดลองการทำน้ำแข็งคาบวิชาฟิสิกส์ในโลกที่เธอจากมา หรือว่า...จะเป็น...ดินประสิว?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออ่านอยู่นะคะ...
ชอบเรื่องนี้มากนางเอกไม่อยากอยู่ในวัง..มาอัพต่อนะคะรออ่านค่ะ......
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...