กู้ชูหลานถึงกับสำลัก ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร
หาว่าอีกฝ่ายตั้งใจไม่ปลุกนาง และรีบมายังสำนักศึกษาตั้งแต่เช้าใช่หรือไม่?
คำพูดนี้นางกล่าวออกมาได้ไฉนกัน
กู้ชูหน่วนยิ้มและกล่าวว่า “หรือเจ้าไม่ได้อาบน้ำพรมเครื่องหอม ตามข้าไปคุกเข่าคำนับสามกราบแสดงความซาบซึ้งต่อฝ่าบาท ดังนั้นจึงจงใจใส่ร้ายข้า”
“ข้า...”
ให้ตายเถอะ นังหญิงแพศยาผู้นี้ ติดกับดักนางอีกจนได้
ใบหน้าของกู้ชูหลานเปลี่ยนสีตลอดเวลาราวกับย้อมสี พอเอาเข้าจริงกลับไม่กล้ากล่าวออกมาแม้แต่คำเดียว
เซี่ยวอวี่เซวียนยกนิ้วโป้งให้แก่กู้ชูหน่วน เพราะกู้ชูหน่วนยืนข้างกายเขา เขาจึงกล่าวเสียงเบาว่า “เด็กน้อย ไม่เจอกันวันเดียว ฝีปากเจ้าเก่งกล้าถึงเพียงนี้แล้ว”
กู้ชูหน่วนกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา ใช้ตำราปิดบังหน้าของตนเองไว้ และหันข้างไปส่งยิ้มให้แก่เซี่ยวอวี่เซวียน “กล่าวได้ดี หากฝีปากไม่เก่งกล้า จะแต่งงานกับเจ้าเป็นโปรดปรานของเจ้าได้อย่างไร”
“ปัง...”
เซี่ยวอวี่เซวียนล้มลงไปอย่างแรง สีหน้ามืดครึ้มราวกับก้นหม้อ
หญิงสาวผู้นี้ เป็นลิงหรืออย่างไร เหตุใดถึงได้ร้อนใจเช่นนี้
นางรู้หรือไม่ว่าอะไรที่เรียกว่าสงวนตัว
คิดได้หากตนต้องแต่งงานกับหญิงน่าเกลียดผู้นี้กลับเรือน ท่านพ่อคงไม่ตัดไอลูกบ่าวของเขาจนขาดเลยหรือ
กู้ชูหลานนั่งอยู่ข้างกายเจ๋ออ๋อง นางพิจารณากู้ชูหน่วนอย่างเงียบ ๆ
เพียงช่วงระยะเวลาไม่กี่เสี้ยวนาที น้องสามเปลี่ยนไปมากมายเช่นนี้
ครั้งก่อนนางแกล้งโง่ หรือ...
“เป็นผู้หญิงน่าเกลียด ยังกล้าอวดเก่ง เห็นได้ชัดว่าเจ้ามาสาย ทำราวกับว่าท่านอาจารย์จงใจสร้างความลำบากให้ตนเช่นนั้น”
ผู้ที่กล่าวคือองค์หญิงตังตัง อายุราวสิบห้าสิบหกปี แม้ว่าอายุจะยังไม่มากนัก แต่หน้าตากลับไม่เลวเลย ดูท่าวันข้างหน้าต้องกลายเป็นหญิงสาวผู้เลอโฉมเป็นแน่ แต่ความเย่อหยิ่งทางสีหน้านั้นชัดเจนมาก ดูก็รู้แล้ว นี่คือองค์หญิงจอมเจ้าเล่ห์ผู้หนึ่ง
ท่านอาจารย์สวีพยักหน้า “องค์หญิงตังตังพูดถูก”
กู้ชูหน่วนโบกมือไปมา “ข้าก็ไม่ได้บอกว่าองค์หญิงพูดผิดเสียหน่อย และก็ใช่ว่าข้าจะไม่รู้ผิด หวังว่าท่านอาจารย์จะให้โอกาสข้าได้แก้ตัวใหม่สักครั้ง”
หลอกใครรึ
ท่าทางเย่อหยิ่งเช่นนั้น จะรู้ผิดได้อย่างไร?
“ครั้นคุณหนูสามรู้ผิด ทั้งยังเป็นความผิดครั้งแรก มิสู้ท่านอาจารย์สวีให้โอกาสนางสักครั้งเถอะ”
ทันใดนั้น น้ำเสียงอันสุภาพก็ค่อย ๆ ดังขึ้น สุ้มเสียงไพเราะดั่งเสียงไหลรินของสายน้ำที่เย็นชุ่มฉ่ำ ครั้นได้ยินก็ทำให้รู้สึกราวกับจมลงไปอย่างอดไม่ได้
กู้ชูหน่วนหันไปมอง พบว่าข้างกายของท่านอาจารย์สวีนั้นยังมีชายหนุ่มอีกหนึ่งคน
ครั้นเห็นชายผู้นั้น กู้ชูหน่วนก็ตกตะลึงฉับพลัน
นั้นเป็นผู้ชายเช่นไรกัน เขาทั้งอบอุ่นและสุภาพ สง่างาม สงบเสงี่ยมเจียมตัว รอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความรอบรู้มีความสามารถ
อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าคมชัดโดดเด่น ดั่งเทพเซียนลงมาจุติ
เขามาในชุดคลุมยาวสีขาวโบกไสว ดั่งทวยเทพที่ไร้มลทิน เส้นผมหนาสีดำขลับราวกับหมึกได้ถูกรวบครึ่งหนึ่งด้วยผ้าสีขาวเส้นหนึ่ง ผมสีดำขลับอีกครึ่งได้ปล่อยสยายลงมาดั่งน้ำพุ
สายลมโชยอ่อน โบกพัดเส้นผมให้ปลิวไสวเรียงตัวเป็นเส้น ดูเชื่องช้า เอาแต่ใจ เอื้อมไม่ถึงและไร้มลทิน
กู้ชูหน่วนกล้ารับรอง นอกจากชายหนุ่มที่ถูกนางบีบบังคับในวันนั้น นี่คือผู้ชายที่หล่อเหลาที่สุดเท่าที่นางเคยเจอหลังจากกลับชาติมาเกิดใหม่
“นี่ กู้ชูหน่วน เหตุใดเจ้าต้องจ้องเขม็งท่านอาจารย์กวนถึงเพียงนั้น ข้าขอบอกเจ้าไว้นะ หากเจ้ายังกล้าจ้องเขา ระวังข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมา” องค์หญิงตังตังบันดาลโทสะ
กู้ชูหน่วนเข้าใจทันที
องค์หญิงจอมเจ้าเล่ห์ชมชอบท่านอาจารย์หนุ่มท่านนั้น
ตาถึงยิ่งนัก
อย่างน้อยก็ดีกว่ากู้ชูหลาน กู้ชูฉิงมากโข
แม้ว่าเจ๋ออ๋องจะมีหน้าตาที่เชื่อถือไม่ได้ แต่ครั้นเทียบกับท่านอาจารย์กวนแล้ว ยังห่างชั้นกันตั้งไม่รู้เท่าไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...