กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 100

กู้ชูหลานถึงกับสำลัก ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร

หาว่าอีกฝ่ายตั้งใจไม่ปลุกนาง และรีบมายังสำนักศึกษาตั้งแต่เช้าใช่หรือไม่?

คำพูดนี้นางกล่าวออกมาได้ไฉนกัน

กู้ชูหน่วนยิ้มและกล่าวว่า “หรือเจ้าไม่ได้อาบน้ำพรมเครื่องหอม ตามข้าไปคุกเข่าคำนับสามกราบแสดงความซาบซึ้งต่อฝ่าบาท ดังนั้นจึงจงใจใส่ร้ายข้า”

“ข้า...”

ให้ตายเถอะ นังหญิงแพศยาผู้นี้ ติดกับดักนางอีกจนได้

ใบหน้าของกู้ชูหลานเปลี่ยนสีตลอดเวลาราวกับย้อมสี พอเอาเข้าจริงกลับไม่กล้ากล่าวออกมาแม้แต่คำเดียว

เซี่ยวอวี่เซวียนยกนิ้วโป้งให้แก่กู้ชูหน่วน เพราะกู้ชูหน่วนยืนข้างกายเขา เขาจึงกล่าวเสียงเบาว่า “เด็กน้อย ไม่เจอกันวันเดียว ฝีปากเจ้าเก่งกล้าถึงเพียงนี้แล้ว”

กู้ชูหน่วนกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา ใช้ตำราปิดบังหน้าของตนเองไว้ และหันข้างไปส่งยิ้มให้แก่เซี่ยวอวี่เซวียน “กล่าวได้ดี หากฝีปากไม่เก่งกล้า จะแต่งงานกับเจ้าเป็นโปรดปรานของเจ้าได้อย่างไร”

“ปัง...”

เซี่ยวอวี่เซวียนล้มลงไปอย่างแรง สีหน้ามืดครึ้มราวกับก้นหม้อ

หญิงสาวผู้นี้ เป็นลิงหรืออย่างไร เหตุใดถึงได้ร้อนใจเช่นนี้

นางรู้หรือไม่ว่าอะไรที่เรียกว่าสงวนตัว

คิดได้หากตนต้องแต่งงานกับหญิงน่าเกลียดผู้นี้กลับเรือน ท่านพ่อคงไม่ตัดไอลูกบ่าวของเขาจนขาดเลยหรือ

กู้ชูหลานนั่งอยู่ข้างกายเจ๋ออ๋อง นางพิจารณากู้ชูหน่วนอย่างเงียบ ๆ

เพียงช่วงระยะเวลาไม่กี่เสี้ยวนาที น้องสามเปลี่ยนไปมากมายเช่นนี้

ครั้งก่อนนางแกล้งโง่ หรือ...

“เป็นผู้หญิงน่าเกลียด ยังกล้าอวดเก่ง เห็นได้ชัดว่าเจ้ามาสาย ทำราวกับว่าท่านอาจารย์จงใจสร้างความลำบากให้ตนเช่นนั้น”

ผู้ที่กล่าวคือองค์หญิงตังตัง อายุราวสิบห้าสิบหกปี แม้ว่าอายุจะยังไม่มากนัก แต่หน้าตากลับไม่เลวเลย ดูท่าวันข้างหน้าต้องกลายเป็นหญิงสาวผู้เลอโฉมเป็นแน่ แต่ความเย่อหยิ่งทางสีหน้านั้นชัดเจนมาก ดูก็รู้แล้ว นี่คือองค์หญิงจอมเจ้าเล่ห์ผู้หนึ่ง

ท่านอาจารย์สวีพยักหน้า “องค์หญิงตังตังพูดถูก”

กู้ชูหน่วนโบกมือไปมา “ข้าก็ไม่ได้บอกว่าองค์หญิงพูดผิดเสียหน่อย และก็ใช่ว่าข้าจะไม่รู้ผิด หวังว่าท่านอาจารย์จะให้โอกาสข้าได้แก้ตัวใหม่สักครั้ง”

หลอกใครรึ

ท่าทางเย่อหยิ่งเช่นนั้น จะรู้ผิดได้อย่างไร?

“ครั้นคุณหนูสามรู้ผิด ทั้งยังเป็นความผิดครั้งแรก มิสู้ท่านอาจารย์สวีให้โอกาสนางสักครั้งเถอะ”

ทันใดนั้น น้ำเสียงอันสุภาพก็ค่อย ๆ ดังขึ้น สุ้มเสียงไพเราะดั่งเสียงไหลรินของสายน้ำที่เย็นชุ่มฉ่ำ ครั้นได้ยินก็ทำให้รู้สึกราวกับจมลงไปอย่างอดไม่ได้

กู้ชูหน่วนหันไปมอง พบว่าข้างกายของท่านอาจารย์สวีนั้นยังมีชายหนุ่มอีกหนึ่งคน

ครั้นเห็นชายผู้นั้น กู้ชูหน่วนก็ตกตะลึงฉับพลัน

นั้นเป็นผู้ชายเช่นไรกัน เขาทั้งอบอุ่นและสุภาพ สง่างาม สงบเสงี่ยมเจียมตัว รอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความรอบรู้มีความสามารถ

อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าคมชัดโดดเด่น ดั่งเทพเซียนลงมาจุติ

เขามาในชุดคลุมยาวสีขาวโบกไสว ดั่งทวยเทพที่ไร้มลทิน เส้นผมหนาสีดำขลับราวกับหมึกได้ถูกรวบครึ่งหนึ่งด้วยผ้าสีขาวเส้นหนึ่ง ผมสีดำขลับอีกครึ่งได้ปล่อยสยายลงมาดั่งน้ำพุ

สายลมโชยอ่อน โบกพัดเส้นผมให้ปลิวไสวเรียงตัวเป็นเส้น ดูเชื่องช้า เอาแต่ใจ เอื้อมไม่ถึงและไร้มลทิน

กู้ชูหน่วนกล้ารับรอง นอกจากชายหนุ่มที่ถูกนางบีบบังคับในวันนั้น นี่คือผู้ชายที่หล่อเหลาที่สุดเท่าที่นางเคยเจอหลังจากกลับชาติมาเกิดใหม่

“นี่ กู้ชูหน่วน เหตุใดเจ้าต้องจ้องเขม็งท่านอาจารย์กวนถึงเพียงนั้น ข้าขอบอกเจ้าไว้นะ หากเจ้ายังกล้าจ้องเขา ระวังข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมา” องค์หญิงตังตังบันดาลโทสะ

กู้ชูหน่วนเข้าใจทันที

องค์หญิงจอมเจ้าเล่ห์ชมชอบท่านอาจารย์หนุ่มท่านนั้น

ตาถึงยิ่งนัก

อย่างน้อยก็ดีกว่ากู้ชูหลาน กู้ชูฉิงมากโข

แม้ว่าเจ๋ออ๋องจะมีหน้าตาที่เชื่อถือไม่ได้ แต่ครั้นเทียบกับท่านอาจารย์กวนแล้ว ยังห่างชั้นกันตั้งไม่รู้เท่าไร

“เมื่อครู่เราคุยถึงทุกสรรพสิ่ง ย่อมมีเกิดมีดับ เกียรติยศและความอัปยศ ต้องสอดคล้องกับคุณธรรม บัดนี้เรามาต่อกัน...” ท่านอาจารย์สวีกล่าวเนื้อหาอย่างเชื่องช้า

“นี่ ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาที่นั่งข้างกายท่านอาจารย์สวีคือใครหรือ?” กู้ชูหน่วนกระทุ้งแขนของเซี่ยวอวี่เซวียน ก่อนหัวเราะเบา ๆ

“ซั่งกวนฉู่ ท่านอาจารย์ที่เยาว์วัยที่สุดในสำนักศึกษาวังหลวง สถานะไม่ชัดเจน รู้แค่ว่ามีความสามารถรอบรู้ เป็นหนึ่งในสี่นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกันพี่ชายข้า”

“สี่นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่? อีกสองคนคือใคร?”

“เด็กโง่ เจ้าอำข้าใช่หรือไม่ สี่นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงในใต้หล้าคือใครเจ้าไม่รู้เช่นนั้นหรือ?”

มโนธรรมสำนึก นางยังไม่รู้จักเลย เรื่องนี้ ไม่มีอยู่ในความทรงจำ

ไม่รู้ว่าเหตุใด นางมักจะรู้สึกว่าความทรงจำของตนหายไปมากมายทีเดียว

“แล้วเหตุใดท่านอาจารย์ซั่งกวนผู้นั้นถึงไม่สอน และให้อาวุโสผู้นั้นสอนละ?”

เซี่ยวอวี่เซวียนหัวเราะ “นี่เจ้าไม่รู้จริงหรือแกล้งไม่รู้กันแน่? การสอนในสำนักศึกษาวังหลวง ต้องมีท่านอาจารย์อย่างน้อยสองท่าน ท่านหนึ่งสอนเป็นหลัก อีกท่านคือนั่งฟังอยู่ข้างกาย หากมีนักเรียนถาม ท่านอาจารย์ที่สอนเป็นหลักตอบไม่ได้ ท่านอาจารย์ที่ฟังอยู่ข้างกายจะลุกขึ้นตอบ เด็กโง่เช่นเจ้า ก่อนเข้าสำนักศึกษาวังหลวง เจ้าไม่เคยซักถามเรื่องกฎระเบียบของที่นี่บ้างหรือ?”

“ซักถามบ้าอะไร สถานที่แห่งนี้ ไม่ช้าก็เร็วสักวันข้าจะต้องรื้อทิ้ง โดยพื้นฐานแล้วสำนักศึกษาเปิดเพื่อทุกคนทั่วหล้า ไฉนถึงให้ตระกูลลูกหลานขุนนางครอบครองฝ่ายเดียว”

“เงียบ ๆ พวกเจ้าสองคนกระซิบกระซาบอะไรกัน?” ท่านอาจารย์สวีตะโกนขึ้น

โดยพื้นฐานแล้วสำนักการศึกษามีเซี่ยวอวี่เซวียนลูกผู้ลากมากดีผู้นี้ก็เกินพอแล้ว บัดนี้ยังมีผู้ที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดเพิ่มมาอีกคน

กู้ชูหน่วนแสยะยิ้มเยาะเย้ย จากนั้นก็กางตำรา บังหน้าตนเองไว้ นางหาวรอบหนึ่ง ฟังคาบเรียนของท่านอาจารย์สวีไปก็ง่วงเหงาหาวนอนไป

เมื่อครู่ ในตอนที่นางออกจากจวนเสนาบดีนั้น ได้แวะร้านขายยาสองสามแห่ง ร้านขายยาทุกแห่งไม่มีสมุนไพรที่นางต้องการทั้งหมด แม้จะมี อย่างน้อยก็ต้องสองร้อยตำลึงเงินขึ้นไป

สมุนไพรที่นางต้องการมีทั้งสิ้นสามสิบสองประเภท ในจำนวนนั้นประกอบไปด้วยหญ้านรก* ดอกไม้พ่นควัน* คือสมุนไพรที่หายากที่สุด ร้านขายยาทั่วทั้งเมืองก็หาซื้อไม่ได้

กู้ชูหน่วนเป็นกังวล หากไม่มีสมุนไพร ต่อให้วิชาแพทย์ของนางจะสูงเพียงใด ก็ไม่อาจจะรักษาพิษบนใบหน้าได้

สมุนไพรตัวอื่น แม้นางจะไม่มีเงินทองซื้อ ก็ยังทนลำบากไปเก็บเองได้บางส่วน แต่หญ้านรก ดอกไม้พ่นควันจะทำอย่างไร? สมุนไพรทั้งสองประเภททั่วทั้งแผ่นดินเกรงว่าจะเป็นสมุนไพรที่พบเห็นได้น้อยมาก

หญ้านรก* ดอกไม้พ่นควัน* ทั้งสองเป็นชื่อสมุนไพรที่นางเอกต้องตามหา เรื่องสรรพคุณในเนื้อเรื่องยังไม่บอก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์