กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 1004

ณ ตำหนักจินหลวน

กู้ชูหน่วนสวมชุดคลุมมังกรเก้าเล็บ สวมมงกุฎจักรพรรดิและรองเท้ามังกรนั่งอยู่บนแท่นประทับมังกร

เบื้องล่างมีท่านอ๋องเสวี่ยและอัครเสนาบดีซูคุกเข่าอยู่ข้างหน้าของทั้งสองฝั่ง

"กระหม่อมคารวะฝ่าบาท ขอฝ่าบาทจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"

เสียงสรรเสริญร้องตะโกนดังกึกก้องไปทั่ววังหลวง

กู้ชูหน่วนนั่งอยู่บนเก้าอี้มังกร เมื่อมองลงมาเบื้องล่างที่มีเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารคุกเข่าอยู่เสมือนมดตัวเล็กๆ และจู่ๆ ทุกสิ่งในรัฐปิงก็กลายเป็นของนางในชั่วพริบตา

เพียงแค่นางพูดออกมา ทุกคนก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง

ความรู้สึกเช่นนี้ช่างดีเหลือเกิน ไม่แปลกที่ใครๆ ก็ต้องการเป็นจักรพรรดิ

แม้แต่นางเอง หลังจากที่ได้นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรนี้ นางก็รู้สึกได้ว่าสถานะของนางได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

"ลุกขึ้น"

"ขอบพระทัยฝ่าบาท"

ขันทีตะโกนเสียงดัง "มีธุระก็กราบทูลฝ่าบาท ส่วนใครไม่มีธุระอะไรก็ออกไปได้"

บรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างมองหน้ากัน แต่ละคนต่างไม่กล้าพูดอะไรออกมา ไม่รู้ว่าพวกเขายังเกรงกลัวฮวาอิ่งที่โหดเหี้ยมนั้นอยู่หรือไม่

ตำหนักจินหลวนเงียบสงัดอย่างมาก

กู้ชูหน่วนกวาดสายตามอง เหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่นี้ไม่คุ้นหน้าเลย มีเพียงหยางโม่และหยางม่านและรวมถึงท่านอ๋องเสวี่ยเท่านั้นที่นางพอรู้จัก

หยางม่านก็อยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าจะแอบซ่อนอย่างดี แต่แววตาของนางยังมีความเป็นศัตรูอยู่เล็กน้อย กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไปต่อนาง

รัฐปิงมีจักรพรรดินีขึ้นครองราชย์ตั้งแต่อดีตกาลนานมา

ตอนนั้นนางยังไม่รู้บรรพบุรุษของตัวเอง และอดีตจักรพรรดินีก็ไม่มีทายาท โดยมีการรับเลี้ยงองค์หญิงเพียงองค์เดียวเท่านั้น นั่นก็คือหยางม่าน

ฉะนั้นนางถือเป็นทายาทโดยปริยายในการสืบทอดราชบัลลังก์จักรพรรดินี และมีอำนาจพิเศษที่สามารถเข้าร่วมการเข้าราชสำนักกับเหล่าขุนนางได้

"ข้ามาว่าราชกิจเป็นครั้งแรก ข้าไม่เชื่อว่าพวกเจ้าไม่มีเรื่องกราบทูล มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาเถอะ"

ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากออกมา ท่านอ๋องเสวี่ยและหยางโม่จ้องหน้ากัน

ท่านอ๋องเสวี่ยพูดขึ้นมาก่อน "ฝ่าบาทอดีตจักรพรรดินีถูกจักรพรรดินีตัวปลอมฆ่าสังหารลง และพระศพของพระองค์ก็ยังไม่ได้ดำเนินการ กระหม่อมขอให้ฝ่าบาทจัดงานพระราชพิธีศพให้กับอดีตจักรพรรดินีพ่ะย่ะค่ะ"

"ตกลง"

ไม่ว่านางจะยอมรับหรือไม่ แต่สุดท้ายผู้หญิงคนนั้นก็คือแม่ของนาง

ฉะนั้นการจัดพิธีศพให้ก็ถือเป็นเรื่องที่สมควร

ท่านอ๋องเสวี่ยรู้สึกละอายใจที่จะพูดออกมา "ฝ่าบาท ผู้หญิงชั่วร้ายคนนั้นปกครองรัฐปิงมากว่าสามปี ทำให้ท้องพระคลังถูกนาง.....ตอนนี้ท้องพระคลังว่างเปล่า การจัดงานพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติคง......"

กู้ชูหน่วนกลอกตาขาว

ท้องพระคลังไม่มีเงินเจ้าก็ควรบอกให้เร็วกว่านี้

ไม่มีเงินแล้วยังจะจัดงานอย่างสมเกียรติอะไรกัน

"เช่นนั้นก็จัดอย่างเรียบง่าย"

"ฝ่าบาท ในอดีตไม่เคยมีการจัดงานพิธีอย่างเรียบง่ายมาก่อน เกรงว่าจะไม่เหมาะสมตามประเพณีพ่ะย่ะค่ะ"

"เช่นนั้นเจ้าคิดว่าควรทำเช่นไร?"

"เอ่อ......"

ท่านอ๋องเสวี่ยก็ลำบากใจเช่นกัน

การจัดงานพิธีพระศพอย่างยิ่งใหญ่ให้สมพระเกียรตินั้นจำเป็นต้องให้เงินมหาศาล

เขาก็ไม่มีเงินตำลึงมากมายเช่นนั้น

ส่วนรัฐปิงเอง สามปีมานี้ประชาชนต่างอดอยากและแร้นแค้น หากจะเก็บเงินภาษี เกรงว่าประชาชนคงไม่สามารถใช้ชีวิตได้อีกต่อไป

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่อีกคนลุกขึ้นและกล่าวอย่างเคารพนอบน้อม "ฝ่าบาท เรียกการจัดเก็บภาษีจากประชาชนมากขึ้นได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"

หยางโม่รีบปฏิเสธ "ทำเช่นนั้นไม่ได้ ทางตอนเหนือของรัฐปิงประสบปัญหาภัยแล้งติดต่อกันมาสามปี และทางตอนใต้ประสบปัญหาน้ำท่วมติดต่อกันมากว่าสามปี ภัยพิบัติตั๊กแตนรบกวนผู้คนจนไม่มีพืชผลเก็บเกี่ยว สถานที่หลายแห่งก็ต่างว่างเปล่าและอดอยาก หากเก็บภาษีประชาชนอาจก่อจลาจลขึ้นได้"

เมื่อพูดถึงสถานการณ์ภัยพิบัติ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่จำนวนหนึ่งแม้ไม่อยากกราบทูล แต่ก็ลองกราบทูลด้วยความหวัง

"ฝ่าบาท มีความแห้งแล้งในสิบสองมณฑลทางเหนือ ราษฎรแทบไม่มีน้ำสำหรับดื่มกิน คนในหมู่บ้านจำนวนมากต่างล้มตายเพราะกระหายน้ำ ขอฝ่าบาททรงได้โปรดประทานน้ำกินน้ำใช้"

กู้ชูหน่วนไม่ได้ตอบเขา และเพียงฟังในสิ่งที่ทุกคนต้องการพูดออกมาอย่างตั้งใจ

จากนั้นเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างพากันกราบทูลรายงาน

"ฝ่าบาท สถานการณ์ภัยพิบัติในยี่สิบสี่มณฑลทางตอนใต้เลวร้ายอย่างมาก และต้องการเงินสนับสนุนจากทางราชสำนักอย่างเร่งด่วนพ่ะย่ะค่ะ"

"ฝ่าบาท โรคระบาดทางตะวันออกได้แพร่ระบาดไปหลายเมือง และควบคุมไม่ได้มานานแล้ว"

"ฝ่าบาท เมืองเกาเฉิงทั้งเมืองถูกกลุ่มกบฏฆ่าสังหาร ตอนนี้เมืองเกาเฉิงกลายเป็นเมืองที่รกร้างว่างเปล่าและจำเป็นต้องสร้างใหม่อย่างเร่งด่วนพ่ะย่ะค่ะ"

"ฝ่าบาท เงินเดือนทหารค้างชำระมาสามปีแล้ว และบรรดาทหารต่างก็ถามว่าเมื่อใดราชสำนักจะจัดสรรเงินให้พ่ะย่ะค่ะ"

"......."

บรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างพูดออกมา และกู้ชูหน่วนก็พอฟังออกว่าแต่ละคนล้วนต้องการเงินตำลึงจำนวนมหาศาล

"พวกเจ้าพูดมามากมายเช่นนี้ ตอนนี้ท้องพระคลังเหลือเงินตำลึงอยู่เท่าไร"

"กราบทูลฝ่าบาท เหลืออยู่หนึ่งแสนตำลึงพ่ะย่ะค่ะ"

กู้ชูหน่วนแทบจะลุกขึ้นยืน

หนึ่งแสนตำลึง?

พูดเป็นเล่นไป?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์