ซือม่อเฟยพลิกฝ่ามือ ตั้งใจจะใช้ดอกดาตูราเพื่อทำลายลำแสง
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ ฝ่ามือของเขากลับว่างเปล่า
ดอกดาตูราที่อยู่กับเขามาโดยตลอดนั้นไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขา
ซือม่อเฟยพยายามอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม
“บูม......”
ลำแสงตกลงมา
ซือม่อเฟยพลิกตัวขึ้นไปอยู่บนร่างกายของกู้ชูหน่วนเพื่อปกป้อง พร้อมกับใช้พลังภายในของตนในการป้องกัน
“อึก......”
ความรุนแรงของลำแสงทำให้เขากัดฟันแน่น เจ็บปวดจนแทบจะร้องไห้ออกมา
พลังภายในของเขาไปไหน?
ดอกดาตูราของเขาอยู่ที่ไหน?
ลำแสงตกลงมาอีกครั้ง
ซือม่อเฟยท่องคาถาอย่างเงียบ ๆ โดนหวังว่าจะใช้วิชาเคลื่อนย้าย เพื่อย้ายลำแสงออกไป
“บูม......”
ลำแสงยังคงตกลงมาเช่นเดิม
ร่างกายของเขาถูกโจมตีจนไหม้เกรียม
ด้วยความงุนงงและการกระทำหลายอย่าง ทำให้เขาค่อย ๆ นึกอะไรขึ้นมาได้
วรยุทธ์ของเขาถูกทำลายไปแล้ว
เมื่อสามปีก่อน เพื่อพี่หญิงของเขา เขาได้ต่อกรกับสวรรค์และทำลายวรยุทธ์ทั้งหมดของตนเอง
หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขา กู้ชูหน่วนเกรงว่าเขาคงถูกหามออกไปตั้งนานแล้ว
นี่มันเวลาไหนแล้ว ทำไมยังโง่เช่นนี้
ยืนงงอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ว่าจะงงอะไร ถูกลำแสงไปตั้งสองครั้งแล้ว ยังไม่คิดจะหลบอีกหรือไง?
นางเกรงว่าหากหลบลำแสงอีกครั้งไม่ได้ อาจจะทำให้ซือม่อเฟยโง่เขลา กู้ชูหน่วนรีบดิ้นรนตะเกียกตะกายไปด้านหน้า เพื่อต้องการหนีจากคนงี่เง่าอย่างซือม่อเฟย
ลำแสงตกลงมาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง พุ่งลงมาด้วยความเร็วที่มากกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า
กู้ชูหน่วนไม่กล้าที่จะมองพวกของซือม่อเฟยที่ต้องทรมานเพราะนางอีกต่อไป และไม่กล้าลืมตาดูบาดแผลที่เกิดจากลำแสงบนร่างกายของนาง
“ตูม......”
“ปัง......”
“บูม......”
“ควับ......”
เสียงที่วุ่นวายดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดตามที่คาดเดาไว้
กู้ชูหน่วนลืมตาขึ้นอย่างสั่นเทา ฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้าของนางทำให้นางคิดว่าตนเองมองผิดไป
บนอากาศ ไม่รู้ว่าซือม่อเฟยทำได้อย่างไร เขารวบรวมเหล่าอักขระที่ใช้ต่อกรกับฮวาอิ่งเมื่อสักครู่เข้าด้วยกัน จากนั้นก็โจมตีไปยังลำแสงที่ตกลงมา
นี่คืออักขระโบราณ พวกเขาคิดว่ามันสุดยอดมาโดยตลอด ดังนั้นจึงใช้มันเพื่อต่อกรกับฮวาอิ่ง
แต่อักขระพวกนี้กลับไม่ส่งผลกระทบกับฮวาอิ่งแต่อย่างใด
พวกเขาจึงละทิ้งความคิดที่จะใช้อักขระซึ่งเป็นไพ่ตายในการต่อสู้
คิดไม่ถึงเลยว่าเวลานี้อักขระจะมีพลังอันน่าเหลือเชื่อ
พลังของมันที่ปรากฏออกมาแต่ละครั้งเพียงพอที่จะทำร้ายโลก
ภายใต้ความรุนแรงของอักขระ ลำแสงที่ไร้ซึ่งคู่ต่อกรก็ร่นถอยไปอย่างเชื่อฟัง
ถูกทำให้หมดสภาพโดยอักขระ
มองมายังซือม่อเฟย เขาใช้อักขระด้วยมือทั้งสองข้าง การเคลื่อนไหวของเขาพลิ้วไหวดุจสายน้ำ
หากอักขระนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกนางเป็นคนศึกษาออกมาด้วยตัวเอง กู้ชูหน่วนคงคิดว่าซือม่อเฟยเป็นคนคิดค้นอักขระเหล่านี้ขึ้นมา
และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เขารู้วิธีการใช้อักขระเพื่อสร้างค่ายกลขนาดใหญ่ ไม่ว่าลำแสงเหล่านั้นจะโจมตีเข้ามาทิศทางไหนก็ไม่สามารถทะลุผ่านค่ายกลมาถึงตัวนางได้
นี่ นี่ นี่มัน
......
นี่คือพลังของจอมมารงั้นหรือ?
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเสียวรยุทธ์ที่ใช้ในการต่อสู้ไป
สูญเสียความทรง แต่จิตวิญญาณส่วนลึกของเขาก็ไม่อาจจะดูถูกได้
“พี่หญิง......”
ภายใต้ความงุนงง ซือม่อเฟยพยุงนางขึ้น แบกนางขึ้นหลังและวิ่งลงจากภูเขา
ฝูกวงและลั่วอิ่งมองไปด้วยความสับสน
เขาควบคุมลำแสงได้แล้วไม่ใช่หรือ?
เหตุใดเขาถึงยังพานายท่านหนีไปอีก?
นายท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส นางจะไปทนกับการวิ่งเช่นนั้นได้อย่างไร
“อ่า......อาม่อ เจ้า......เจ้าจะพาข้าไปไหน?”
“ยายผู้หญิงบ้านั่นกล้าทำร้ายพี่หญิงจนบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ ข้าจะไปจัดการกับนาง”
“เช่น......เช่นนั้นเจ้าแบกข้ามาทำไม?”
“แผลจากลำแสง มีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถรักษามันได้”
“เช่นนั้น......เจ้าวิ่งไปทางตะวันตกเพื่อ......เพื่ออะไร?”
“ไปหาพวกเขา”
กู้ชูหน่วนรู้สึกโกรธ เจ็บปวด และหดหู่ใจไปพร้อมกัน
“พวกเขา......พวกเขาอยู่ทางทิศเหนือ”
“อ่า......ทิศเหนืออยู่ทางไหน?”
“......”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์