ไม่รู้ว่าผ่านไปแค่ไหน ร่างกายของกู้ชูหน่วนถูกทำให้สั่นสะท้าน พร้อมกับค่อย ๆ ฟื้นคืนสติกลับมา
เวลานี้นางเป็นแค่เพียงดวงวิญญาณ ไม่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน บางครั้งเหม่อลอย ตนเองหลับใหลไปครั้งนี้ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด และก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
กาขังวิญญาณเต็มไปด้วยความมืดสนิท มองไม่เห็นสิ่งใดทั้งนั้น
รู้สึกได้เพียงลาง ๆ ว่ามีการต่อสู้อันดุเดือดเกิดขึ้นด้านนอก พร้อมกับเสียงกรีดร้องอันแผ่วเบา
“เยี่ยจิ่งหาน เจ้าบ้าไปแล้วงั้นหรือ ก่อนหน้านี้ก็คุยกันแล้วไม่ใช่หรือไง ใช้เลือดและเนื้อของข้าแทนแผ่นอักษรสีเหลือง ฉีกขาดรอยแยกแห่งห้วงอากาศ ต่อให้เจ้าเข้ามาใจกลางของค่ายกลแล้วมันยังไง พี่หญิงฟื้นขึ้นมา ข้าควรอธิบายให้นางฟังอย่างไร”
“ทุกครั้งที่นางตกอยู่ในอันตราย ข้าไม่เคยอยู่ข้างกายของนางเลยสักครั้ง และไม่เคยทำอะไรให้นาง รวมถึงตอนที่นางกลืนกินเลือดและเนื้อของตนเอง เจ้าก็เป็นคนพลิกชะตาสวรรค์ ใช้วิชาคืนชีพบุปผาผลิบานเพื่อช่วยชีวิตนาง ครั้งนี้ได้โปรดให้ข้าทำอะไรเพื่อนางบ้างเถิด”
ทันใดนั้น กู้ชูหน่วนก็ได้สติกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
พวกเขาต้องการฉีกขาดรอยแยกแห่งห้วงอากาศ?
ค่ายกลหลอมรวมเลือดเนื้อสามารถใช้แทนแผ่นอักษรสีเหลืองได้?
เช่นนั้นกระจกหงส์เล่า? กระจกหงส์ถูกทำลายไปแล้วไม่ใช่หรือ?
ไม่มีกระจกหงส์ เช่นนั้นจะเปิดรอยแยกแห่งห้วงอากาศได้อย่างไร?
กู้ชูหน่วนพยายามอย่างสุดกำลัง คิดจะปืนขึ้นไปด้านบนของกาขังวิญญาณเพื่อหยุดการกระทำของเยี่ยจิ่งหานไว้
แต่ด้านในของกาขังวิญญาณนั้นว่างเปล่า นางไม่มีโอกาสที่จะปีนป่ายขึ้นไป
ต่อให้ปีนขึ้นไปได้ ฝาของกาขังวิญญาณก็เปิดไม่ออกอยู่ดี
บ้าที่สุด
กาขังวิญญาณถูกนางทำลายจนสิ้นซาก แต่เยี่ยจิ่งหานและซือม่อเฟย พวกเขาไปหากาขังวิญญาณใบนี้มาจากที่ไหน
“หากต้องการฉีกรอยแยกแห่งห้วงอากาศ เช่นนั้นเจ้าก็ต้องข้ามศพข้าไปก่อน”
มีเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง
การเคลื่อนไหวของกู้ชูหน่วนหยุดชะงัก
มันคือเสียงของเหวินเส่าอี๋
เขาเองก็มางั้นหรือ
นางเสียชีวิตลงต่อหน้าของเหวินเส่าอี๋ และนางก็ยังนำดวงวิญญาณทั้งหมดของนางมอบให้กับเขา เขายังไม่หายโกรธอีกงั้นหรือ?
เหวินเส่าอี๋เกลียดนางมากจริง ๆ
จอมมารพูดว่า “เหวินเส่าอี๋ เจ้าอยากฉีกรอยแยกแห่งห้วงมิติมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ การที่พวกข้าทำเช่นนี้ มันไม่เท่ากับว่าเป็นการช่วยเหลือเจ้างั้นหรือ?”
“จริงอยู่ว่าต้องการฉีกรอยแยกแห่งห้วงมิติ แต่ไม่ใช่เวลานี้ และ......ไม่ใช่หลังจากนี้”
“ดังนั้นที่เจ้าพวกลูกน้องมาเยอะขนาดนี้ เจ้าคิดจะมาหยุดพวกข้างั้นหรือ?”
“แล้วเจ้าคิดว่ายังไง? เข้ามา ทำลายค่ายกล อย่าปล่อยให้เยี่ยจิ่งหานทำสำเร็จเป็นอันขาด”
“บูม บูม บูม......”
เสียงการต่อสู้ดังขึ้นมา
กาขังวิญญาณสั่นสะเทือนอีกครั้ง
ร่างกายของกู้ชูหน่วนเองก็สั่นไหวจนอยากจะอาเจียนออกมา
นางพยายามทรงตัวให้มั่นคงพร้อมกับตั้งใจฟังว่าคนที่อยู่ด้านนอกกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่
ได้ยินเสียงของจอมมารพูดว่า “เยี่ยจิ่งหาน เจ้ารีบออกมาเร็วเข้า พวกเรามาสลับกัน”
เยี่ยจิ่งหาน “ไม่ทันแล้ว เจ้ารีบขวางพวกเขาไว้ ไม่อย่างนั้นค่ายกลจะต้องถูกทำลายเป็นแน่ หากวันนี้ไม่สามารถกลับไปตามหาร่างของนางที่ดินแดนเยี่ยอวี่ได้ จิตวิญญาณของอาหน่วนก็จะดับสลาย”
เหวินเส่าอี๋ “มีข้าอยู่ที่นี่ ไม่มีใครสามารถช่วยนางได้ทั้งนั้น”
จอมมาร “บัดซบ วันนี้หากใครกล้าก้าวออกมาด้านหน้าแม้เพียงก้าวเดียว ข้าจะสังหารมันให้สิ้น”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเสียงเหล่านั้นล้วนเป็นเสียงที่กู้ชูหน่วนไม่ค่อยคุ้นเคย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...