กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 1150

สรุปบท บทที่ 1150 ถ้ำ: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

สรุปเนื้อหา บทที่ 1150 ถ้ำ – กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ โดย อี้หมิง

บท บทที่ 1150 ถ้ำ ของ กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อี้หมิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เยี่ยจิ่งหานปล่อยให้นางกอดเขาตามใจชอบ เขาพึมพำออกมาว่า “เช่นนั้นเจ้ากับซือม่อเฟยไปถึงขั้นไหนแล้ว?”

“หากข้าพูดความจริง เจ้าจะโกรธข้าหรือไม่?”

เยี่ยจิ่งหานมองไปยังดวงอาทิตย์ที่เพิ่งจะพ้นขอบฟ้า ด้วยความเงียบงัน

กู้ชูหน่วนหันหน้าไปหาเขา บังคับให้เขาสบตากับนาง

“เยี่ยจิ่งหาน ข้าจำเป็นต้องพูดความจริงกับเจ้า ข้าคิดจะเก็บอาม่อไว้”

ราวกับรู้อยู่แล้วว่ากู้ชูหน่วนจะพูดออกมาเช่นนี้ เยี่ยจิ่งหานยิ้มออกมาอย่างบ้าคลั่ง น้ำตาไหลออกมาพร้อมรอยยิ้มของเขา หัวใจของเขาแทบจะแตกสลาย เขาจ้องมองไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความผิดหวังเป็นอย่างมาก

กู้ชูหน่วนกอดเขาไว้ ซบไปที่ไหล่ของเขา

“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย อาม่อยอมสละทุกอย่างเพื่อข้า ข้าไม่อาจทอดทิ้งเขาได้”

“ดังนั้น เจ้าจึงอยากทอดทิ้งข้า?”

“ข้าไม่อยากทอดทิ้งใครทั้งนั้น พวกเราสามคน แค่สามคนเท่านั้น หลังจากจัดการเรื่องของรัฐเยี่ยและเผ่าปีศาจเรียบร้อย พวกเราทั้งสามจะไปอยู่ด้วยกันอย่างสันโดษ เจ้าว่าดีไหม? ข้าสาบาน นอกจากพวกเจ้าสองคน ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครอื่นอีกเลย”

“แล้วเหวินเส่าอี๋?”

“เหวินเส่าอี๋? ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ข้าเห็นเขาเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง”

“แต่เพื่อนงั้นหรือ? ไม่เคยรู้สึกชอบเขาเลยแม้แต่น้อยเลยงั้นหรือ?”

“ข้ามีเจ้ากับอาม่อก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง? หากมีเสี่ยวหูเตี๋ยเพิ่มมาอีกคน ข้าจะอยู่อย่างไร? อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้ชอบข้า เนื่องจากข้าเป็นคนฟันหัวของพ่อและแม่ของเขา ทำลายเผ่าเพลิงฟ้า นี่คือศัตรูแห่งชีวิต เขาไม่อาจปล่อยวางกับเรื่องพวกนี้ได้”

ถึงจะพูดออกมาแบบนี้ เยี่ยจิ่งหานก็ยังเชื่อคำพูดของนาง

เขารู้ว่าจอมมารทุ่มเทให้นางมากแค่ไหน และเขาก็รู้ว่ามันยากแค่ไหนสำหรับจอมมาร......

แต่เขาก็ไม่อาจแบ่งปันผู้หญิงของเขาให้กับซือม่อเฟยไปจนชั่วชีวิตได้

เมื่อคิดว่าตนเองต้องแบ่งปันผู้หญิงของตนให้กับซือม่อเฟย ความโกรธในใจของเยี่ยจิ่งหานก็ยิ่งพลุ่งพล่าน

เขาผลักกู้ชูหน่วนออก และก้าวออกไป

“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย ข้าสาบาน ต่อให้ข้ารับรักจอมมาร แต่เจ้าก็ยังเป็นสามีคนแรกของข้า เจ้าเห็นแก่ข้าสักครั้งได้หรือไม่?”

“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย เจ้ายอมข้าสักครั้งได้หรือไม่”

ไม่ว่าเยี่ยจิ่งหานจะพยายามสลัดนางออกไปอย่างไร

กู้ชูหน่วนก็ยังคงวิ่งไล่ตามเขา จับมือของเขา รังเขาเอาไว้อย่างไร้ยางอาย

สลัดไปตลอดทาง เดิน ๆ หยุด ๆ ไม่รู้ว่าเดินมาไกลแค่ไหน และก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่

ในตอนที่ปากของกู้ชูหน่วนเริ่มแห้งและต้องการน้ำเป็นอย่างมาก ในที่สุดเยี่ยจิ่งหานก็หยุดลง

“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย เจ้าเห็นด้วยแล้วอย่างนั้นหรือ?”

“มีคนอยู่ด้านหน้า”

กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้น นางพบว่าด้านหน้านั้นเป็นถ้ำอันมืดสนิท เมื่อยื่นมือออกไป นางมองไม่เห็นแม้แต่นิ้วของตัวเอง

แต่นางได้ยินอย่างชัดเจนว่าด้านในนั้นมีเสียงของลมหายใจอยู่

มันเป็นลมหายใจที่อ่อนแอเป็นอย่างมาก อาจเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส

กู้ชูหน่วนจับมือเยี่ยจิ่งหานไว้ด้วยมือข้างหนึ่งของนาง มืออีกข้างจุดไฟขึ้นมาเพื่อสร้างแสงสว่างขึ้นภายในถ้ำ และเริ่มสำรวจไปตามถนนที่คดเคี้ยวในถ้ำ

นางปกป้องเยี่ยจิ่งหานโดยที่นางเองก็ไม่รู้ตัว ทำให้ดวงตาของเยี่ยจิ่งหานเต็มไปด้วยความคลุมเครือ

เยี่ยจิ่งหานกล่าวออกมาว่า “ไปกันเถอะ ไม่ว่าคนที่อยู่ด้านในจะเป็นใคร มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา”

เวลานี้เขาสูญเสียวรยุทธ์ไปแล้ว

หากเวลานี้ในถ้ำมีอันตรายอะไรอยู่ เขาจะปกป้องนางได้อย่างไร?

“ในเมื่อเข้ามาแล้วก็ลองเข้าไปดูว่ามีใครในภูเขาที่แห้งแล้งและกันดารเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไร”

เยี่ยจิ่งหาน “......”

“ไปกันเถอะ......”

เยี่ยจิ่งหานถูกนางดึงเข้าไปด้านใน

เดินไปเรื่อย ๆ พวกเขาก็เดินเข้าไปในห้องหิน

เป็นห้องหินที่ไม่มีจุดสิ้นสุด

ด้านในนั้นว่างเปล่า มีถังขนาดใหญ่ใบหนึ่งวางอยู่ โต๊ะหนึ่งตัว รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ อีกมากมายที่มีไว้เพื่อทรมาน

กู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา

กลิ่นสาบของที่นี่รุนแรงยิ่งนัก รวมถึงกลิ่นคาวเลือดและความเน่าเปื่อย

มันเป็นกลิ่นที่น่าขยะแขยงอย่างยิ่ง

“เลือดบนเครื่องมือที่ใช้ทรมานนั้นเพิ่งแห้งไปได้ไม่นาน เมื่อไม่นานมานี้น่าจะมีใครบางคนถูกพาตัวเข้ามาทรมานที่นี่ วิธีการค่อนข้างโหดร้าย ดูนั่น ตะปูหักหมดแล้ว”

แม้ว่าจะมีเปลวไฟอยู่ในมือ แต่ก็ไม่อาจทำให้ทั่วทั้งห้องสว่างขึ้นมาได้

เนื่องจากห้องหินมีขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก

กู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานสำรวจมันไปเรื่อย ๆ

เยี่ยจิ่งหานสำรวจอย่างระมัดระวังไปตลอดทาง แม้จะสูญเสียวรยุทธ์ แต่เขาก็ยังปกป้องกู้ชูหน่วนไว้ด้านหลังของเขา

สิ่งที่สำคัญก็คือ ด้านในมีตัวยาอยู่มากมาย ซึ่งพวกมันสามารถปลิดชีวิตของเขาได้

นี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจให้ความช่วยเหลือได้

ความตายที่ไม่อาจช่วยเหลือได้

คนที่ลงมือทรมานจะต้องมีจิตวิปริตและเกลียดชังเขามากเพียงใด

“เป็นเจ้า......เจ้ายังไม่ตายอย่างนั้นหรือ?”

จู่ ๆ คนในโกศหินก็เอ่ยปากออกมา

เสียงของเขาแหบแห้ง ราวกับไม่ได้เอ่ยปากมาเป็นเวลานาน

ทั้งสองคนตกใจและมองเขาอย่างระแวดระวัง

“เจ้าเป็นใคร? เจ้ารู้จักข้าอย่างนั้นหรือ?”

จู่ ๆ คนในโกศหินก็หัวเราะออกมาดังลั่น น้ำตาของเขาไหลออกมาจากบ่อน้ำตาที่แห้งเหือด

รอยยิ้มของเขาแฝงไว้ด้วยความเหยียดหยาม

และนำมาซึ่งความเศร้าโศก

“ข้าเป็นใคร ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าในสภาพเช่นนี้ ไม่แปลกที่เจ้าจะจำข้าไม่ได้”

เยี่ยจิ่งหานกล่าวออกมา “เพื่อเก่าของเจ้างั้นหรือ?”

“ข้าจำไม่ได้ แต่ความเกลียดชังที่มีต่อข้าในดวงตาของเขานั้นชัดเจนเป็นอย่างมาก แม้จะรู้จัก ก็คิดว่ารู้จักกันในฐานะของศัตรูตัวฉกาจ”

“เช่นนั้นก็ไม่ต้องไปสนใจ พวกเราไปกันเถอะ”

“ตกลง”

ทั้งสองคนจับมือกันและเดินออกไป ทันใดนั้นคนในโกศหินก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันใด

เขาพยายามดิ้นรนที่จะออกจากโกศหิน แต่เขาก็ไม่อาจทำได้

“กู้ชูหน่วน เยี่ยจิ่งหาน ไม่ได้เจอกันสี่ปี ความกล้าของพวกเจ้าไปไหนหมด? แม้แต่คนพิการอย่างข้า เจ้ายังหวาดกลัว”

กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้น “ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รู้จักแค่ข้า เขารู้จักเจ้าด้วย”

“ข้าจำไม่ได้ แต่สายตาแห่งความเกลียดชังที่เขามีต่อข้าก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเจ้าเลย เขาเองก็น่าจะเป็นศัตรูตัวฉกาจของข้า”

กู้ชูหน่วนคิดจะจากไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวนางก็หันกลับมา

“บอกมา เจ้าเป็นใคร? และถูกใครตัดแขนตัดขา และขังเอาไว้ที่นี่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์