กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 1150

เยี่ยจิ่งหานปล่อยให้นางกอดเขาตามใจชอบ เขาพึมพำออกมาว่า “เช่นนั้นเจ้ากับซือม่อเฟยไปถึงขั้นไหนแล้ว?”

“หากข้าพูดความจริง เจ้าจะโกรธข้าหรือไม่?”

เยี่ยจิ่งหานมองไปยังดวงอาทิตย์ที่เพิ่งจะพ้นขอบฟ้า ด้วยความเงียบงัน

กู้ชูหน่วนหันหน้าไปหาเขา บังคับให้เขาสบตากับนาง

“เยี่ยจิ่งหาน ข้าจำเป็นต้องพูดความจริงกับเจ้า ข้าคิดจะเก็บอาม่อไว้”

ราวกับรู้อยู่แล้วว่ากู้ชูหน่วนจะพูดออกมาเช่นนี้ เยี่ยจิ่งหานยิ้มออกมาอย่างบ้าคลั่ง น้ำตาไหลออกมาพร้อมรอยยิ้มของเขา หัวใจของเขาแทบจะแตกสลาย เขาจ้องมองไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความผิดหวังเป็นอย่างมาก

กู้ชูหน่วนกอดเขาไว้ ซบไปที่ไหล่ของเขา

“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย อาม่อยอมสละทุกอย่างเพื่อข้า ข้าไม่อาจทอดทิ้งเขาได้”

“ดังนั้น เจ้าจึงอยากทอดทิ้งข้า?”

“ข้าไม่อยากทอดทิ้งใครทั้งนั้น พวกเราสามคน แค่สามคนเท่านั้น หลังจากจัดการเรื่องของรัฐเยี่ยและเผ่าปีศาจเรียบร้อย พวกเราทั้งสามจะไปอยู่ด้วยกันอย่างสันโดษ เจ้าว่าดีไหม? ข้าสาบาน นอกจากพวกเจ้าสองคน ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครอื่นอีกเลย”

“แล้วเหวินเส่าอี๋?”

“เหวินเส่าอี๋? ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ข้าเห็นเขาเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง”

“แต่เพื่อนงั้นหรือ? ไม่เคยรู้สึกชอบเขาเลยแม้แต่น้อยเลยงั้นหรือ?”

“ข้ามีเจ้ากับอาม่อก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง? หากมีเสี่ยวหูเตี๋ยเพิ่มมาอีกคน ข้าจะอยู่อย่างไร? อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้ชอบข้า เนื่องจากข้าเป็นคนฟันหัวของพ่อและแม่ของเขา ทำลายเผ่าเพลิงฟ้า นี่คือศัตรูแห่งชีวิต เขาไม่อาจปล่อยวางกับเรื่องพวกนี้ได้”

ถึงจะพูดออกมาแบบนี้ เยี่ยจิ่งหานก็ยังเชื่อคำพูดของนาง

เขารู้ว่าจอมมารทุ่มเทให้นางมากแค่ไหน และเขาก็รู้ว่ามันยากแค่ไหนสำหรับจอมมาร......

แต่เขาก็ไม่อาจแบ่งปันผู้หญิงของเขาให้กับซือม่อเฟยไปจนชั่วชีวิตได้

เมื่อคิดว่าตนเองต้องแบ่งปันผู้หญิงของตนให้กับซือม่อเฟย ความโกรธในใจของเยี่ยจิ่งหานก็ยิ่งพลุ่งพล่าน

เขาผลักกู้ชูหน่วนออก และก้าวออกไป

“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย ข้าสาบาน ต่อให้ข้ารับรักจอมมาร แต่เจ้าก็ยังเป็นสามีคนแรกของข้า เจ้าเห็นแก่ข้าสักครั้งได้หรือไม่?”

“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย เจ้ายอมข้าสักครั้งได้หรือไม่”

ไม่ว่าเยี่ยจิ่งหานจะพยายามสลัดนางออกไปอย่างไร

กู้ชูหน่วนก็ยังคงวิ่งไล่ตามเขา จับมือของเขา รังเขาเอาไว้อย่างไร้ยางอาย

สลัดไปตลอดทาง เดิน ๆ หยุด ๆ ไม่รู้ว่าเดินมาไกลแค่ไหน และก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่

ในตอนที่ปากของกู้ชูหน่วนเริ่มแห้งและต้องการน้ำเป็นอย่างมาก ในที่สุดเยี่ยจิ่งหานก็หยุดลง

“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย เจ้าเห็นด้วยแล้วอย่างนั้นหรือ?”

“มีคนอยู่ด้านหน้า”

กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้น นางพบว่าด้านหน้านั้นเป็นถ้ำอันมืดสนิท เมื่อยื่นมือออกไป นางมองไม่เห็นแม้แต่นิ้วของตัวเอง

แต่นางได้ยินอย่างชัดเจนว่าด้านในนั้นมีเสียงของลมหายใจอยู่

มันเป็นลมหายใจที่อ่อนแอเป็นอย่างมาก อาจเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส

กู้ชูหน่วนจับมือเยี่ยจิ่งหานไว้ด้วยมือข้างหนึ่งของนาง มืออีกข้างจุดไฟขึ้นมาเพื่อสร้างแสงสว่างขึ้นภายในถ้ำ และเริ่มสำรวจไปตามถนนที่คดเคี้ยวในถ้ำ

นางปกป้องเยี่ยจิ่งหานโดยที่นางเองก็ไม่รู้ตัว ทำให้ดวงตาของเยี่ยจิ่งหานเต็มไปด้วยความคลุมเครือ

เยี่ยจิ่งหานกล่าวออกมาว่า “ไปกันเถอะ ไม่ว่าคนที่อยู่ด้านในจะเป็นใคร มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา”

เวลานี้เขาสูญเสียวรยุทธ์ไปแล้ว

หากเวลานี้ในถ้ำมีอันตรายอะไรอยู่ เขาจะปกป้องนางได้อย่างไร?

“ในเมื่อเข้ามาแล้วก็ลองเข้าไปดูว่ามีใครในภูเขาที่แห้งแล้งและกันดารเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไร”

เยี่ยจิ่งหาน “......”

“ไปกันเถอะ......”

เยี่ยจิ่งหานถูกนางดึงเข้าไปด้านใน

เดินไปเรื่อย ๆ พวกเขาก็เดินเข้าไปในห้องหิน

เป็นห้องหินที่ไม่มีจุดสิ้นสุด

ด้านในนั้นว่างเปล่า มีถังขนาดใหญ่ใบหนึ่งวางอยู่ โต๊ะหนึ่งตัว รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ อีกมากมายที่มีไว้เพื่อทรมาน

กู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา

กลิ่นสาบของที่นี่รุนแรงยิ่งนัก รวมถึงกลิ่นคาวเลือดและความเน่าเปื่อย

มันเป็นกลิ่นที่น่าขยะแขยงอย่างยิ่ง

“เลือดบนเครื่องมือที่ใช้ทรมานนั้นเพิ่งแห้งไปได้ไม่นาน เมื่อไม่นานมานี้น่าจะมีใครบางคนถูกพาตัวเข้ามาทรมานที่นี่ วิธีการค่อนข้างโหดร้าย ดูนั่น ตะปูหักหมดแล้ว”

แม้ว่าจะมีเปลวไฟอยู่ในมือ แต่ก็ไม่อาจทำให้ทั่วทั้งห้องสว่างขึ้นมาได้

เนื่องจากห้องหินมีขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก

กู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานสำรวจมันไปเรื่อย ๆ

เยี่ยจิ่งหานสำรวจอย่างระมัดระวังไปตลอดทาง แม้จะสูญเสียวรยุทธ์ แต่เขาก็ยังปกป้องกู้ชูหน่วนไว้ด้านหลังของเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์