“ฮ่าฮ่าฮ่า......สภาพที่ไม่ต่างอะไรกับวิญญาณเช่นนี้ เกรงว่าคงมีแต่เขาเท่านั้นที่จำข้าได้” “กู้ชูหน่วน แขนข้างหนึ่งของข้า เจ้าเป็นคนตัดมันไป เจ้าลืมแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“และใบหน้าของข้า ครึ่งหนึ่งที่ถูกทำลายก็เป็นฝีมือของเจ้า”
คิ้วของกู้ชูหน่วนเริ่มบิดเบี้ยว ครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็คิดไม่ออก
ทันใดนั้นเอง รูม่านตาของนางก็เบิกกว้าง
มองไปที่คนซึ่งอยู่ในโกศหินด้วยความเหลือเชื่อ
และในเวลาเดียวกัน เยี่ยจิ่งหานเองก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขามองไปที่คนซึ่งอยู่ในโกศหินด้วยความเหลือเชื่อ
ผู้นำกองธงกล้วยไม้......
เป็นเขาอย่างนั้นหรือ?
เขาเป็นปรมาจารย์แห่งยุทธภพ เป็นผู้มีวรยุทธ์อันแข็งแกร่งไม่ใช่หรือ?
เหตุใดเขาถึงได้ถูกจับมาขังไว้ในโกศหินเช่นนี้
“ในที่สุดก็จำข้าได้แล้วใช่ไหม?”
ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจที่กู้ชูหน่วนมีต่อเขาหายไปทันใด นางรู้สึกเพียงแค่ว่านี่เป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับ
“ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ในที่สุดผลกรรมก็ตอบสนอง ข้ารู้สึกขอบคุณคนที่ทำให้เจ้าอยู่ในสภาพเช่นนี้ยิ่งนัก สัตว์เดรัจฉานอย่างเจ้า สมควรแล้วที่ได้รับโทษเช่นนี้”
“อีกไม่นาน เยี่ยจิ่งหานก็จะมีจุดจบเฉกเช่นเดียวกันกับข้า”
“ปัง......”
กู้ชูหน่วนตบไปที่ใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง
“เจ้าคิดว่าทุกคนใจร้ายและไร้ยางอายเหมือนเจ้าหมดเลยหรือไง เจ้าคิดว่าทุกคนต่างมีจิตใจชั่วร้ายอย่างเจ้างั้นหรือ”
เยี่ยจิ่งหานหยิบถุงน้ำออกมาจากแขนเสื้อของเขา เทลงบนมือของกู้ชูหน่วนเพื่อช่วยนางล้างมือ
“ไม่จำเป็นต้องทำให้มือของเจ้าต้องสกปรกเพราะคนพันธุ์นี้”
“อื้อ”
“ต้องการสังหารเขาหรือไม่?”
กู้ชูหน่วนรู้ ขอแค่นางตอบกลับไปว่าต้องการ ผู้นำกองธงกล้วยไม้ก็จะสังหารผู้นำกองธงกล้วยไม้โดยไม่ลังเล
นางยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “จะสังหารเขาเพื่อเหตุใด คนอย่างเขาควรปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป มีชีวิตอยู่อย่างตายทั้งเป็น”
“สิ่งที่เขาทำกับเยี่ยเฟิงในตอนนั้น มีเรื่องไหนบ้างที่คนดี ๆ เขาทำกัน?”
เมื่อนึกถึงภาพในตอนที่ได้พบกับเยี่ยเฟิงบนภูเขาที่แห้งแล้งวันนั้น ร่างกายของเยี่ยเฟิงเต็มไปด้วยบาดแผลและความเจ็บปวด
นึกถึงความทุกข์ทรมานของเยี่ยเฟิงตอนที่อยู่ในหอคุมขังพญาหงส์
นึกถึงเยี่ยเฟิงในวัยห้าเพียงห้าขวบที่ต้องถูกเขาทรมานอย่างไร้ความปรานี
สิบสามปี
สิบสามปีเต็ม
เยี่ยเฟิงใช้ชีวิตภายใต้ความโหดร้ายในคุกใต้ดิน
กู้ชูหน่วนเกลียดจนอยากจะฉีกร่างของเขาให้เป็นหมื่นชิ้น
นางเคยเจอคนน่าขยะแขยงมามากมายนับไม่ถ้วน แต่นางไม่เคยเจอใครที่น่าขยะแขยงเท่ากับผู้นำกองธงกล้วยไม้มาก่อน
เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ กู้ชูหน่วนนำแส้ของนางออกมา ฟาดไปยังใบหน้าของเขาหลายสิบครั้ง
ฟาดออกไปจนกระทั่งตนเองรู้สึกเหนื่อย เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากใบหน้าของเขา จากนั้นนางก็เดินออกไปพร้อมกับเยี่ยจิ่งหาน
“เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าใครเป็นคนทรมานข้า และทำให้ข้าต้องมีสภาพเช่นนี้?”
น้ำเสียงอันอ่อนแรงและแผ่วเบาของผู้นำกองธงกล้วยไม้ดังขึ้น
กู้ชูหน่วนตอบกลับไปโดยไม่คิด “ไม่!”
“เยี่ยเฟิง เขากลับมาแล้ว และเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสมควรได้รับอย่างนั้นหรือ? ก่อนหน้านี้เจ้าทรมานเยี่ยเฟิงด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา เวลานี้ก็สมควรแล้วที่ได้ลิ้มรสความเจ็บปวดของเยี่ยเฟิง”
“ข้าจะบอกความลับกับเจ้าอย่างหนึ่ง เพียงแต่หลังจากที่ข้าบอกเจ้าแล้ว เจ้าจะต้องสังหารข้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...