กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 486

“ไอ้เทพแห่งสงครามนั่นมิได้เรื่องเสียจริง เขามิอาจปล่อยมันไปได้จึงต้องการสู้กับเผ่าเพลิงฟ้า แต่กลับเปิดเผยตำแหน่งสำนักใหญ่ของนิกายเทพอสูรออกไปให้กับเผ่าเพลิงฟ้าจนได้ ทำให้เหล่ายอดฝีมือจากเผ่าเพลิงฟ้าหลายคนหาเรื่องถึงนิกายเทพอสูรของเรา แต่โชคดีที่เราได้ย้ายตำแหน่งไปแล้ว คนที่เหลืออยู่ที่สำนักใหญ่ก็มีไม่มากแล้ว มิเช่นนั้น เราคงต้องสูญเสียอย่างหนักแน่ ๆ”

เสี่ยวลู่มองบนต่อจินเฉียง “เจ้าคนไร้การศึกษา คิดอะไรของเจ้า หากข้าคาดเดาไม่ผิด น่าจะเพราะว่าเทพแห่งสงครามรู้ว่าเราได้ย้ายตำแหน่งออกจากสำนักใหญ่ไปแล้ว เพราะเช่นนี้ถึงได้ตั้งใจหลอกล่อให้คนของเผ่าเพลิงฟ้าไปที่นิกายเทพอสูร ตัวเขาเองซุ่มโจมตีไว้หมดแล้วและขนาบประสานกับพวกเราทั้งภายในและภายนอก จากนั้นก็กวาดล้างคนของเผ่าเพลิงฟ้าให้หมดสิ้น”

“นั่นก็เพราะว่าเขารั่วไหลตำแหน่งสำนักใหญ่ของนิกายเทพอสูรตามอำเภอใจไงเล่า ครานี้เผ่าเพลิงฟ้าสูญเสียอย่างหนักและแทบจะถูกฆ่าตายจนหมด แต่ทว่า หากครั้งนี้เขามิได้ขนาบประสานกับพวกเราล่ะ เช่นนั้นพวกเราก็ต้องเสียเลือดเสียเนื้ออย่างหนักอย่างนั้นรึ?”

“เช่นนั้น พวกเราก็ต้องทบทวนตัวเองแล้วล่ะ เป็นถึงสำนักใหญ่ของนิกายเทพอสูร แต่กลับถูกเยี่ยจิ่งหานสืบหาจนพบ แม้กระทั่งข่าวที่ย้ายออกจากสำนักใหญ่แล้วยังถูกสืบหาจนรู้ได้”

เสี่ยวลู่พูดเช่นนี้ออกมา ทุกคนต่างก็เงียบ

รวมทั้งจินเฉียงเองด้วย

เป็นเพราะพวกเขามิรอบคอบจริง ๆ ถึงได้ถูกคนสืบหาที่อยู่ของสำนักใหญ่ได้ แถมยังมิรู้ตัวอีก หากอีกฝ่ายต้องการจะเผาล้างพวกเขา เกรงว่าพวกเขาคงถูกเผาเป็นผุยผงไปแล้ว

สิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดคือ พวกเขาทำงานกันอย่างระมัดระวังมาโดยตลอด จวบจนวันนี้พวกเขาเองก็มิอาจรู้ได้ว่าเยี่ยจิ่งหานนั้นทราบถึงการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้อย่างไร

หรือว่า…

หอเทียนหวั่งจะเป็นหนึ่งในอำนาจของเยี่ยจิ่งหานกัน?

“นายท่าน ข้าน้อยมีความผิด คราวหลังข้าน้อยจักระวังให้มากกว่านี้พ่ะย่ะค่ะ จักมิให้ผู้อื่นทราบตำแหน่งสำนักใหญ่ของนิกายเทพอสูรเลย”

“ผิดแล้ว ควรให้พวกเขาทราบ”

“ฮะ…”

ผู้คนต่างตกใจและไม่เข้าใจสิ่งที่เถ้าแก่เนี้ยพูด?

มุมปากสีแดงก่ำของกู้ชูหน่วนยกขึ้นเผยรอยยิ้มจอมแผนการออกมา ท่าทางเข้มงวดกวดขันและน่าเกรงขาม

“จากสงครามใหญ่คราวก่อน คนของเผ่าเพลิงฟ้าเองก็น่าจะคาดการณ์ได้แล้วว่านิกายอสูรต้องย้ายตำแหน่งสำนักใหญ่ไปแล้วเป็นแน่ เทพแห่งสงครามเพียงแค่ใช้นิกายเทพอสูรเพื่อล้อมปราบพวกมันเท่านั้นแหละ หากว่าข่าวรั่วไหลออกไปอีกครั้งล่ะ พวกเจ้าคิดว่า เผ่าเพลิงฟ้าจะเชื่อหรือว่าไม่เชื่อกัน?”

“หากเป็นเช่นนี้ก็เป็นการยากแล้วพ่ะย่ะค่ะ ครั้งแรกก็ถูกหลอก ครั้งที่สองคงคิดจะแก้แค้นเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ แต่ทว่าหากเป็นกับดักอีกครั้งล่ะ? แต่สิ่งที่เป็นไปได้มากยิ่งกว่าคือ เยี่ยจิ่งหานเคยใช้กลยุทธ์นี้ไปแล้ว เขาต้องมิใช้กลยุทธ์นี้อีกอย่างแน่นอน เพราะเช่นนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่เผ่าเพลิงฟ้าจะลองดูอีกครั้ง” จินเฉียงตอบ

“มิใช่เป็นไปได้สูง แต่คือเป็นเช่นนั้นแน่ ๆ” เสี่ยวลู่หายใจเข้าลึก ๆ และมองกู้ชูหน่วนอย่างตะลึงใจ จากนั้นจึงกล่าวต่อ

“ครั้งนี้ เผ่าเพลิงฟ้าเสียคนไปมากนักและยังถูกดึงพลังอำนาจไปมากเพียงนั้น รวมทั้งความแค้นที่มีต่อนิกายอสูร เพียงแค่มีโอกาสเพียงน้อยนิด พวกมันย่อมลองดูอีกครั้งแน่นอน”

จางอวิ๋นเจียวพยักหน้า “ข้าก็คิดว่าคนของเผ่าเพลิงฟ้าต้องลองดูอีกครั้งแน่ ๆ ในเมื่อพวกมันคิดอยากจะกำจัดนิกายเทพอสูรของเราอยู่แล้ว เพียงแค่พวกมันมิทราบตำแหน่งแน่ชัดของกองกำลังเท่านั้น ถึงแม้ครั้งนี้พวกมันจะเสียเปรียบโดยเยี่ยจิ่งหาน แต่ก่อนหน้านั้นเผ่าเพลิงฟ้าก็เสียเปรียบโดยพวกเรามิน้อยเช่นกัน เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาพวกมันต้องนำความแค้นเยี่ยจิ่งหานรวมเข้ากับนิกายอสูรอย่างแน่นอน”

กู้ชูหน่วนมองพวกเขาอย่างภาคภูมิใจ

พูดกับคนฉลาดหลักแหลมก็ง่ายเพียงนี้แหละ

“รู้ว่าควรทำเช่นไรแล้วสินะ”

“นายท่านวางใจได้ พวกเราจักรั่วไหลข่าวออกไปได้อย่างแน่นอนและจะรั่วไหลข่าวจนพวกมันจับต้นชนปลายมิถูกแล้วทำให้พวกมันนองเลือดอีกครั้ง”

นิ้วมือเรียวงามของกู้ชูหน่วนเคาะโต๊ะเบา ๆ มิรู้ว่านางกำลังคิดอันใดอยู่ ผ่านไปนานพอควรนางถึงได้ถามขึ้น “ยอดเขาบรรจบเมฆเป็นที่ใดกัน?”

“ทูลนายท่านเจ้าค่ะ ยอดเขาบรรจบเมฆเป็นสำนักใหญ่ของเผ่าเพลิงฟ้า แต่คนทั่วไปต่างก็รู้เพียงชื่อของมันเจ้าค่ะ ส่วนเรื่องที่ยอดเขาบรรจบเมฆตั้งอยู่ที่ใดนั้น จวบจนวันนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดทราบเลยเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้น พวกเจ้าเองก็มิรู้ว่ายอดเขาบรรจบเมฆตั้งอยู๋ที่ใดอย่างนั้นรึ?”

“เจ้าค่ะ ไม่มีผู้ใดทราบได้เหมือนที่ไม่มีผู้ใดทราบว่าเผ่าหยกของเราตั้งอยู่ที่ใดเจ้าค่ะ ข้าน้อยคาดว่ายอดเขาบรรจบเมฆน่าจะเหมือนกับเผ่าหยกที่ถูกเขตอาคมปกคลุมไว้ เพราะเช่นนั้น ไม่ว่าผู้คนจะสืบหาอย่างไร ก็มิอาจรู้ตำแหน่งของยอดเขาบรรจบเมฆได้เจ้าค่ะ”

หนึ่งในกุญแจรูปดาวอยู่ที่ยอดเขาบรรจบเมฆ แม้นว่ายอดเขาบรรขบเมฆจะตามหายากเพียงใดก็ต้องหาให้พบ

เหวินเส่าอี๋เป็นนายน้อยของยอดเขาบรรจบเมฆ เขาคงจะรู้ว่ายอดเขาบรรจบเมฆนั้นตั้งอยู่ที่ใด?

ดูเหมือนว่าการตามหายอดเขาบรรจบเมฆนั้นคงต้องไปพบกับเหวินเส่าอี๋สินะ

“แล้วหุบเขาตันหุยล่ะ?”

“หุบเขาตันหุยก็เป็นหนึ่งในสถานที่ลับเช่นกัน มีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ทางเข้า นายท่านจะไปหุบเขาตันหุยอย่างนั้นหรือ? หากนายท่านจะไป ข้าน้อยจะให้คนไปนำแผนที่มาและส่งคนนำหน้าไปที่หุบเขาตันหุยอย่างลับ ๆ ก่อน”

“หมายความว่าพวกเจ้ารู้ตำแหน่งของหุบเขาตันหุยอย่างนั้นรึ?”

“เจ้าค่ะ”

กู้ชูหน่วนหายใจออกยาว ๆ

หากเป็นเช่นนี้ เผ่าตันหุยและเผ่าปีศาจสองสถานที่นี้ก็ง่ายขึ้นแล้ว

“เล่าเรื่องหุบเขาตันหุยให้ข้าฟังที”

“หุบเขาตันหุยนั้นมีชื่อเสียงเรียงนามด้านกลั่นยา มีเผ่าชนชั้นสูงมิน้อยที่สิ้นเนื้อประดาตัวเพียงเพราะขอยาอายุวัฒนะชิ้นหนึ่งจากหุบเขาตันหุย และมีคนมากมายที่ใช้ชีวิตทั้งชีวิตเพื่อตามหาทางเข้าหุบเขาตันหุย เพียงเพราะยาอายุวัฒนะชิ้นหนึ่งเช่นกัน เพียงเพราะสามารถช่วยให้ตนเองเก่งกาจขึ้นหรือสามารถช่วยชีวิตคนในครอบครัวของตนได้ เหตุผลที่พวกเขาทำเช่นนี้ก็เพราะกฎที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ นอกเสียจากนั้นก็ไม่มีอันใดเลยเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นแล้วก็มิได้มีความแค้นต่อเผ่าหยกของเราใช่หรือไม่?”

“ไม่มีเจ้าค่ะ แต่ทว่าหลายปีมานี้ มิรู้ว่าเกิดอันใดขึ้น ตันหุยกู่ก็ตามหาไข่มุกมังกรมาโดยตลอดเช่นกัน และยังเกิดเรื่องทะเลาะขึ้นกับเรามิน้อย ทั้งยังมีหลายครั้งที่สู้กันขึ้นมาจริง ๆ จากที่ข้าน้อยได้สืบมาทราบว่าสำนักในของตันหุยกู่เกิดความขัดแย้งขึ้น บางคนเห็นด้วยให้เข้าร่วมการค้าด้วย แต่บางคนก็ไม่เห็นด้วย”

“ตูม ๆ ๆ ….”

มีเสียงเคาะประตูดังมาจากภายนอก “นายหญิงสาม เทพแห่งสงครามกลับมาแล้ว จะเข้าไปเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

“รู้แล้ว”

กู้ชูหน่วนเก็บเข็มทิศเข้าในแหวนเก็บสะสม กล่าวเบา ๆ ว่า “พวกเจ้ากลับไปก่อนเถิด ช่วงนี้นอกจากตามหาไข่มุกมังกร อย่างอื่นอย่าเคลื่อนไหวตามอำเภอใจ หากมีเรื่องข้าจักติดต่อพวกเจ้า”

“เจ้าค่ะ”

ห้องที่เต็มไปด้วยคนเมื่อครู่ หายไปในห้องลับในพริบตา

กู้ชูหน่วนเตะร่างกายชิงเฟิง

ชิงเฟิงตื่นขึ้นมาอย่างมึนงง จับต้นชนปลายมิถูก “พระชายา เหตุใดข้าจึงสลบไป?”

“เจ้าถามข้า? แล้วข้าจักถามใครกัน เยี่ยจิ่งหานสั่งให้เจ้าคุ้มครองข้า เจ้าคุ้มครองข้าเช่นนี้หรือ?”

“คือ….”

“คืออะรไของเจ้า บอกมาตามตรง เมื่อคืนเจ้าไปเที่ยวหญิงสาวมาใช่หรือไม่ วันนี้ถึงได้สัปหงกเช่นนี้?”

“ท่านใส่ร้ายข้า ข้ามิบังอาจ ข้า….”

“เอาเถิด มัวพูดพร่ำทำเพลง งานประมูลจะจบแล้ว น่าเบื่อจะตายชัก ทั้งงานประมูลมิพบเห็นของที่ต้องตาข้าเลยสักชิ้น งานประมูลขนาดใหญ่อะไรกัน ไม่มีอะไรเลย”

ชิงเฟิงเต็มไปด้วยความสับสน

เขาที่ยังดี ๆ อยู่ เหตุใดถึงได้สลบไปหรือว่าพระชายาทำอะไรบางอย่างอีกอย่างนั้นรึ?

กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างจริงจัง “ใช่น่ะสิ ข้าทำบางอย่างที่เหลือเชื่อด้วยล่ะ อย่างเช่นไปเที่ยวเล่นกับหนุ่มงามบางคน เจ้าอย่าคิดทูลฟ้องเยี่ยจิ่งหานเชียว”

“….”

“แต่ทว่าหากเจ้าทูลฟ้องไป เจ้าคิดเอาให้ดีแล้วกัน เจ้าก็มีความผิดเช่นกันนะ ท่านอ๋องสั่งให้เจ้าคุ้มครองข้า เจ้าคัมครองข้าเช่นนี้หรอกหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์