“ไอ้เทพแห่งสงครามนั่นมิได้เรื่องเสียจริง เขามิอาจปล่อยมันไปได้จึงต้องการสู้กับเผ่าเพลิงฟ้า แต่กลับเปิดเผยตำแหน่งสำนักใหญ่ของนิกายเทพอสูรออกไปให้กับเผ่าเพลิงฟ้าจนได้ ทำให้เหล่ายอดฝีมือจากเผ่าเพลิงฟ้าหลายคนหาเรื่องถึงนิกายเทพอสูรของเรา แต่โชคดีที่เราได้ย้ายตำแหน่งไปแล้ว คนที่เหลืออยู่ที่สำนักใหญ่ก็มีไม่มากแล้ว มิเช่นนั้น เราคงต้องสูญเสียอย่างหนักแน่ ๆ”
เสี่ยวลู่มองบนต่อจินเฉียง “เจ้าคนไร้การศึกษา คิดอะไรของเจ้า หากข้าคาดเดาไม่ผิด น่าจะเพราะว่าเทพแห่งสงครามรู้ว่าเราได้ย้ายตำแหน่งออกจากสำนักใหญ่ไปแล้ว เพราะเช่นนี้ถึงได้ตั้งใจหลอกล่อให้คนของเผ่าเพลิงฟ้าไปที่นิกายเทพอสูร ตัวเขาเองซุ่มโจมตีไว้หมดแล้วและขนาบประสานกับพวกเราทั้งภายในและภายนอก จากนั้นก็กวาดล้างคนของเผ่าเพลิงฟ้าให้หมดสิ้น”
“นั่นก็เพราะว่าเขารั่วไหลตำแหน่งสำนักใหญ่ของนิกายเทพอสูรตามอำเภอใจไงเล่า ครานี้เผ่าเพลิงฟ้าสูญเสียอย่างหนักและแทบจะถูกฆ่าตายจนหมด แต่ทว่า หากครั้งนี้เขามิได้ขนาบประสานกับพวกเราล่ะ เช่นนั้นพวกเราก็ต้องเสียเลือดเสียเนื้ออย่างหนักอย่างนั้นรึ?”
“เช่นนั้น พวกเราก็ต้องทบทวนตัวเองแล้วล่ะ เป็นถึงสำนักใหญ่ของนิกายเทพอสูร แต่กลับถูกเยี่ยจิ่งหานสืบหาจนพบ แม้กระทั่งข่าวที่ย้ายออกจากสำนักใหญ่แล้วยังถูกสืบหาจนรู้ได้”
เสี่ยวลู่พูดเช่นนี้ออกมา ทุกคนต่างก็เงียบ
รวมทั้งจินเฉียงเองด้วย
เป็นเพราะพวกเขามิรอบคอบจริง ๆ ถึงได้ถูกคนสืบหาที่อยู่ของสำนักใหญ่ได้ แถมยังมิรู้ตัวอีก หากอีกฝ่ายต้องการจะเผาล้างพวกเขา เกรงว่าพวกเขาคงถูกเผาเป็นผุยผงไปแล้ว
สิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดคือ พวกเขาทำงานกันอย่างระมัดระวังมาโดยตลอด จวบจนวันนี้พวกเขาเองก็มิอาจรู้ได้ว่าเยี่ยจิ่งหานนั้นทราบถึงการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้อย่างไร
หรือว่า…
หอเทียนหวั่งจะเป็นหนึ่งในอำนาจของเยี่ยจิ่งหานกัน?
“นายท่าน ข้าน้อยมีความผิด คราวหลังข้าน้อยจักระวังให้มากกว่านี้พ่ะย่ะค่ะ จักมิให้ผู้อื่นทราบตำแหน่งสำนักใหญ่ของนิกายเทพอสูรเลย”
“ผิดแล้ว ควรให้พวกเขาทราบ”
“ฮะ…”
ผู้คนต่างตกใจและไม่เข้าใจสิ่งที่เถ้าแก่เนี้ยพูด?
มุมปากสีแดงก่ำของกู้ชูหน่วนยกขึ้นเผยรอยยิ้มจอมแผนการออกมา ท่าทางเข้มงวดกวดขันและน่าเกรงขาม
“จากสงครามใหญ่คราวก่อน คนของเผ่าเพลิงฟ้าเองก็น่าจะคาดการณ์ได้แล้วว่านิกายอสูรต้องย้ายตำแหน่งสำนักใหญ่ไปแล้วเป็นแน่ เทพแห่งสงครามเพียงแค่ใช้นิกายเทพอสูรเพื่อล้อมปราบพวกมันเท่านั้นแหละ หากว่าข่าวรั่วไหลออกไปอีกครั้งล่ะ พวกเจ้าคิดว่า เผ่าเพลิงฟ้าจะเชื่อหรือว่าไม่เชื่อกัน?”
“หากเป็นเช่นนี้ก็เป็นการยากแล้วพ่ะย่ะค่ะ ครั้งแรกก็ถูกหลอก ครั้งที่สองคงคิดจะแก้แค้นเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ แต่ทว่าหากเป็นกับดักอีกครั้งล่ะ? แต่สิ่งที่เป็นไปได้มากยิ่งกว่าคือ เยี่ยจิ่งหานเคยใช้กลยุทธ์นี้ไปแล้ว เขาต้องมิใช้กลยุทธ์นี้อีกอย่างแน่นอน เพราะเช่นนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่เผ่าเพลิงฟ้าจะลองดูอีกครั้ง” จินเฉียงตอบ
“มิใช่เป็นไปได้สูง แต่คือเป็นเช่นนั้นแน่ ๆ” เสี่ยวลู่หายใจเข้าลึก ๆ และมองกู้ชูหน่วนอย่างตะลึงใจ จากนั้นจึงกล่าวต่อ
“ครั้งนี้ เผ่าเพลิงฟ้าเสียคนไปมากนักและยังถูกดึงพลังอำนาจไปมากเพียงนั้น รวมทั้งความแค้นที่มีต่อนิกายอสูร เพียงแค่มีโอกาสเพียงน้อยนิด พวกมันย่อมลองดูอีกครั้งแน่นอน”
จางอวิ๋นเจียวพยักหน้า “ข้าก็คิดว่าคนของเผ่าเพลิงฟ้าต้องลองดูอีกครั้งแน่ ๆ ในเมื่อพวกมันคิดอยากจะกำจัดนิกายเทพอสูรของเราอยู่แล้ว เพียงแค่พวกมันมิทราบตำแหน่งแน่ชัดของกองกำลังเท่านั้น ถึงแม้ครั้งนี้พวกมันจะเสียเปรียบโดยเยี่ยจิ่งหาน แต่ก่อนหน้านั้นเผ่าเพลิงฟ้าก็เสียเปรียบโดยพวกเรามิน้อยเช่นกัน เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาพวกมันต้องนำความแค้นเยี่ยจิ่งหานรวมเข้ากับนิกายอสูรอย่างแน่นอน”
กู้ชูหน่วนมองพวกเขาอย่างภาคภูมิใจ
พูดกับคนฉลาดหลักแหลมก็ง่ายเพียงนี้แหละ
“รู้ว่าควรทำเช่นไรแล้วสินะ”
“นายท่านวางใจได้ พวกเราจักรั่วไหลข่าวออกไปได้อย่างแน่นอนและจะรั่วไหลข่าวจนพวกมันจับต้นชนปลายมิถูกแล้วทำให้พวกมันนองเลือดอีกครั้ง”
นิ้วมือเรียวงามของกู้ชูหน่วนเคาะโต๊ะเบา ๆ มิรู้ว่านางกำลังคิดอันใดอยู่ ผ่านไปนานพอควรนางถึงได้ถามขึ้น “ยอดเขาบรรจบเมฆเป็นที่ใดกัน?”
“ทูลนายท่านเจ้าค่ะ ยอดเขาบรรจบเมฆเป็นสำนักใหญ่ของเผ่าเพลิงฟ้า แต่คนทั่วไปต่างก็รู้เพียงชื่อของมันเจ้าค่ะ ส่วนเรื่องที่ยอดเขาบรรจบเมฆตั้งอยู่ที่ใดนั้น จวบจนวันนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดทราบเลยเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้น พวกเจ้าเองก็มิรู้ว่ายอดเขาบรรจบเมฆตั้งอยู๋ที่ใดอย่างนั้นรึ?”
“เจ้าค่ะ ไม่มีผู้ใดทราบได้เหมือนที่ไม่มีผู้ใดทราบว่าเผ่าหยกของเราตั้งอยู่ที่ใดเจ้าค่ะ ข้าน้อยคาดว่ายอดเขาบรรจบเมฆน่าจะเหมือนกับเผ่าหยกที่ถูกเขตอาคมปกคลุมไว้ เพราะเช่นนั้น ไม่ว่าผู้คนจะสืบหาอย่างไร ก็มิอาจรู้ตำแหน่งของยอดเขาบรรจบเมฆได้เจ้าค่ะ”
หนึ่งในกุญแจรูปดาวอยู่ที่ยอดเขาบรรจบเมฆ แม้นว่ายอดเขาบรรขบเมฆจะตามหายากเพียงใดก็ต้องหาให้พบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...