“มันคือกิเลนแห่งความเวิ้งว้าง” เหวินเส่าอี๋อ้าปากค้าง นึกอยากจะถอยกลับแต่ว่าสายเกินไปเสียแล้ว
เยี่ยจิ่งหานและจอมมารกันกู้ชูหน่วนไว้ด้านหลังอย่างรู้กัน จอมมารจ้องมองกิเลนแห่งความเวิ้งว้างอย่างตื่นตัว ในขณะที่เยี่ยจิ่งหานมองไปรอบๆ เพื่อหาทางออก
กู้ชูหน่วนกระซิบถามเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์
“กิเลนแห่งความเวิ้งว้างคือสิ่งใดรึ”
เหตุใดนางจึงรู้สึกว่ามันมีกลิ่นอายเหมือนมังกรอสูรระดับเจ็ดที่อยู่บนหุบเขาโลหิตหูหลู
ไม่ใช่ว่าสัตว์ประหลาดนี่ก็อยู่ระดับเจ็ดเหมือนกันหรอกนะ
ลิ้นของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สั่นสะท้าน นี่เป็นครั้งแรกที่เป็นใบหน้าของมันแสดงความหวาดกลัวออกมา “กิเลนเขาเดียวแห่งความเวิ้งว้างเจริญเติบโตอยู่ในสถานที่เวิ้งว้าง และที่ที่เราอยู่ตอนนี้คือสถานที่เวิ้งว้างแห่งหนึ่ง ไม่ว่าวรยุทธของทุกคนจะสูงส่งเพียงใด ตราบใดที่ยังอยู่ที่นี่ วรยุทธของทุกคนจะกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า ไม่ต่างอะไรจากดอกสำลีที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง”
“ความหมายของเจ้าก็คือ หากต่อสู้กันที่นี่พวกเราจะเสียเปรียบ เพราะเราจะสูญเสียวรยุทธทั้งหมด แต่วรยุทธของมันจะยังอยู่เหมือนเดิม?”
“กะ... ก็ประมาณนั้น”
“พอจะดูออกหรือไม่ว่ามันอยู่ระดับไหน”
“ระ...ระ...ระดับเจ็ด...”
รูม่านตาของกู้ชูหน่วนหดเล็กลง ในที่สุดก็รู้แล้วว่าทำไมผู้ชายสามคนที่ไม่กลัวฟ้าดินจึงได้ดูกดดันมากขนาดนี้
นางพยายามเพ่งสายตาเพราะอยากเห็นกิเลนแห่งความเวิ้งว้างที่อยู่ตรงหน้าชัดๆ
ทว่าที่นี่มืดเกินไป นางมองเห็นเพียงเงาขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้ารางๆ
เงากลมๆ นั้นคล้ายวัวยักษ์ที่อ้วนพี บนหัวมีเขายาวอยู่หนึ่งเขา ฟันแหลมคม คมยิ่งกว่าฟันของหมาป่าหลายเท่าตัว
เมื่อมองดูเงานั้นอีกครั้งจึงเห็นว่ามันสูงกว่าสิบเมตร พวกเขาที่อยู่ตรงหน้ากิเลนแห่งความเวิ้งว้างดูอ่อนปวกเปียกราวกับมดปลวก
กิเลนแห่งความเวิ้งว้างเคลื่อนที่อย่างไร้จุดหมาย หากไม่ใช่เพราะเห็นว่ามันหลับตาอยู่ พวกเขาก็เกือบจะคิดไปว่ากิเลนเขาเดียวเห็นพวกเขาแล้ว
เยี่ยจิ่งหานกระซิบว่า “ถ้าอยากรอดจงเคลื่อนไหวเงียบๆ หาทางออกก่อน”
ผู้ที่อยู่ตรงนั้นล้วนเป็นคนฉลาด เหตุใดพวกเขาจะไม่รู้ว่าทันทีที่กิเลนเขาเดียวตื่นขึ้นและต้องเผชิญหน้ากับมัน พวกเขามีแนวโน้มจะแย่มากกว่าดี ตอนนี้ทำได้เพียงต้องออกไปก่อนเท่านั้น
กู้ชูหน่วนคลำหาทางออกในความมืด ไม่รู้ว่าลำแสงอะไรส่องผ่านมา ดวงตาที่แหลมคมของนางจึงพบว่าที่คอของกิเลนแห่งความเวิ้งว้างมีกุญแจรูปดาวห้อยอยู่
ไม่เอาน่า...
กุญแจรูปดาวห้อยอยู่ที่กิเลนเขาเดียวจริงๆ
กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี
“พวกท่านสองคนพอจะมีวิธีช่วยข้าเอากุญแจรูปดาวมาจากคอของกิเลนหรือไม่”
จอมมารเหลือบมองและกล่าวว่า “มันก็แค่กุญแจเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องปลิดชีพตัวเองทิ้ง”
ดูเหมือนเหวินเส่าอี๋จะเข้าใจอะไรบางอย่าง ดวงตาที่อบอุ่นของเขาเบนกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับกำลังคิดว่าจะชิงกุญแจรูปดาวมาจากกิเลนเขาเดียวได้อย่างไร
เยี่ยจิ่งหานถามว่า “เจ้าต้องการกุญแจรูปดาวขนาดนั้นเลยหรือ”
“ใช่”
“จำเป็น?”
“จำเป็น”
นางมาที่นี่ก็เพื่อกุญแจรูปดาว ถ้าคว้ากุญแจรูปดาวมาไม่ได้นางจะมาที่นี่ทำไม
“หาทางออกก่อน หลังจากเจอทางออกข้าจะช่วยชิงมาให้”
กู้ชูหน่วนเหลือบมองเยี่ยจิ่งหานอย่างซาบซึ้งใจ
หลังจากควานหาอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็พบจุดที่เว้าลงไป
จุดเว้านี้เหมือนกับหุบเขาทรงกระบี่ที่ประตูด้านนอกทุกประการ กู้ชูหน่วนชักดาบสั้นออกมา ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้เยี่ยจิ่งหานกับจอมมาร ให้จอมมารจับตาเหวินเส่าอี๋ ให้เยี่ยจิ่งหานไปชิงกุญแจรูปดาว ส่วนนางจะเปิดประตูหิน
ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว ขณะที่พวกเขากำลังจะลงมือ สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันก็คือประตูหินเปิดออกเสียงดังครั่นครืน คนจากเผ่าน้ำแข็ง หออันดับหนึ่งในใต้หล้า เผ่าเพลิงฟ้า รวมถึงคนของตันหุยกู่ก็กรูกันเข้ามา
แสงสว่างส่องเข้ามาพร้อมกับเสียงของการต่อสู้
กิเลนแห่งความเวิ้งว้างถูกปลุกให้ตื่นทันที
โฮกฮาก...
เสียงคำรามดังขึ้นพร้อมกับกิเลนแห่งความเวิ้งว้างที่พุ่งเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...