จิตสังหารพลุ่งพล่านออกมา ทุกคนจ้องมองเยี่ยจิ่งหานอย่างไม่พอใจ
“เยี่ยจิ่งหาน เจ้ากล้าละเมิดการประลองรึ”
เยี่ยจิ่งหานหัวเราะเยาะและเอ่ยอย่างเหยียดหยาม “ข้าไปแทรกแซงการประลองของทั้งคู่งั้นหรือ”
“นั่น...”
“ปากบางคนโสโครกเกินไป และข้าไม่รังเกียจที่จะทำความสะอาดให้”
ว่าแล้วก็เตือนทุกคนอย่างเยือกเย็นว่า “พระชายาของข้าเป็นผู้ที่สั่งสอนได้หรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่พวกเจ้าจะเข้ามาสอด หากใครกล้าด่าว่าพระยาชาของข้าเสียๆ หายๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสหรือเป็นรองหัวหน้าเผ่า ข้าจะจัดการให้หมดโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น”
โอหัง
จะโอหังเกินไปแล้ว
ที่นี่คือเผ่าเพลิงฟ้าแท้ๆ นึกไม่ถึงว่าเขาที่ตัวคนเดียวทั้งยังบาดเจ็บสาหัสจะกล้าโอหังแบบนี้
เขาไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน
คนของเผ่าเพลิงฟ้านึกอยากจะฆ่าเขาขึ้นมาทันใด
ไป๋จิ่นเอ่ยเรียบๆ ว่า “ถ้าเขาไม่เอ่ยวาจาหยาบคาย เทพแห่งสงครามคงไม่โกรธขนาดนี้ ดูเฉยๆ ต่อไป ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าไปยุ่งกับการประลอง และอย่าได้แสดงความคิดเห็นในแง่ร้ายตามอำเภอใจอีก”
ไม่รอให้คนอื่นพูดอะไรอีก
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างสดใสพลางพูดและสู้ไปพร้อมๆ กัน “พี่ใหญ่ซ่ง การแข่งขันยังไม่จบ ท่านเพิ่งใจลอย”
ปังๆๆ...
ตูมตาม...
ในลานประลองยุทธ์มีเสียงการต่อสู้ดังขึ้นอีกครั้ง
กู้ชูหน่วนใช้กระบวนท่าระยะประชิดพร้อมกับเพลงดาบที่ดุร้าย
ทว่านางไม่ได้สัมผัสแม้แต่ชายเสื้อของซ่งอวี้ เพราะซ่งอวี้หลบหลีกทุกการโจมตีของนางได้อย่างง่ายดาย
นี่คือความแตกต่างระหว่างชั้นสูงสุดระดับสี่กับระดับสอง
ไม่ว่าระดับสองจะพยายามมากเพียงใดก็ยังทำอะไรชั้นสูงสุดระดับสี่ไม่ได้อยู่ดี
การต่อสู้ผ่านไปเกือบร้อยกระบวนท่า แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะได้รับบาดเจ็บหลายแห่งแต่ก็ไม่ได้โดนจุดสำคัญ ระหว่างทั้งสองคนยังไม่ตัดสินแพ้ชนะ
สีหน้าของรองหัวหน้าเผ่าซือคงดูแย่ลงกว่าเดิม
“ซ่งอวี้ ข้าขอสั่งให้เจ้าเอาชนะนางให้ได้โดยเร็วที่สุด”
“ขอรับ...”
ซ่งอวี้ไม่อยากโจมตีจนนางพ่ายแพ้ แต่ยุทธวิธีของกู้ชูหน่วนล้วนเป็นแบบสะเปะสะปะ ถ้าเขาตอบโต้กลับจริงๆ ต่อให้ไม่ตาย กู้ชูหน่วนก็คงบาดเจ็บสาหัส
ดังนั้นทุกครั้งที่ลงมือเขาจึงยอมอ่อนข้อให้
การยอมอ่อนข้อของเขานอกจากจะไม่ทำให้กู้ชูหน่วนถอยกลับ แต่ยังทำให้นางประชิดเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า
คำพูดที่รองหัวหน้าเผ่าซือคงและผู้อาวุโสทุกคนพูดก่อนเริ่มการแข่งขันค่อยๆ ดังชัดเจนในความคิด และซ่งอวี้ก็ไม่กล้าฝ่าฝืน
พูดได้แต่เพียงว่า “แม่นาง ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ยอมแพ้เสียเถอะ จะได้ไม่ต้องมีใครบาดเจ็บล้มตาย”
“ยอมแพ้? เฮอะ ในพจนานุกรมของข้าไม่เคยมีคำว่ายอมแพ้”
ปังๆๆ...
นี่คือการดิ้นรนต่อสู้อย่างสิ้นหวังอีกครั้ง ซ่งอวี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงมือ
ดาบอ่อนกับฝักดาบปะทะกัน กำลังภายในที่แข็งแกร่งสั่นสะเทือนไปถึงเลือดและลมปราณของกู้ชูหน่วน รุนแรงจนเลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากมุมปากของนาง
บ้าชะมัด...
ชั้นสูงสุดระดับสี่อย่างไรเสียก็คือชั้นสูงสุดระดับสี่ ความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่านางมาก
ตูม!
เมื่อกระบวนท่าหนึ่งล้มเหลว กู้ชูหน่วนก็ใช้กระบวนท่าใหม่ เป็นอย่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
สุดท้าย...
เสียงกระแทกของนางดังสะท้านไปไกล นางขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าเล็กๆ นั้นเต็มไปด้วยความทรมาน
หัวใจของจอมมารหล่นวูบ เขาลุกขึ้นโวยวายและยกมือขึ้นเตรียมจะฆ่าซ่งอวี้
เยี่ยจิ่งหานก้าวเข้ามาขวางหน้าไว้อย่างทันท่วงที เขาเอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “นางไม่ต้องการให้เจ้าเข้าไปแทรกแซงการประลองครั้งนี้”
“เยี่ยจิ่งหาน ถ้าเจ้าไม่กล้าลงมือก็ไสหัวไปซะ”
เยี่ยจิ่งหานทำหน้าไม่พอใจ
อย่างร้ายที่สุดก็แค่ตาย มีหรือที่เขาจะไม่กล้า เพียงแต่ว่าด้วยนิสัยของกู้ชูหน่วน ถ้าวันนี้เขายื่นมือไปแทรกแซง เขากลัวว่านางจะโกรธเกลียดเขาไปตลอดชีวิต
เขารู้จักกู้ชูหน่วนมาระยะหนึ่งแล้ว นิสัยของนางนั้นเขาก็พอรู้อยู่บ้าง
ผู้หญิงคนนี้หัวแข็งและดื้อรั้น ลงว่าตัดสินใจไปแล้วไม่ว่าใครก็เปลี่ยนใจนางไม่ได้
จอมมารกัดฟันกล่าวไปว่า “คนแซ่ซ่งนั่น ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนาง พวกเจ้าเผ่าเพลิงฟ้าเตรียมตัวนองเลือดได้เลย”
กู้ชูหน่วนโซซัดโซเซไปข้างหน้า ดวงตาของนางปิดสนิท ทว่าที่ฝ่ามือของนางมีหมอกสีแดงเพลิงแผ่ออกมา แม้แต่ดาบทั้งด้ามยังเปลี่ยนเป็นสีเลือด
บรรยากาศโดยรอบกลายเป็นกลิ่นคาวเลือดน่าขนลุก
ทุกคนเรียกสติตัวเอง
นี่มันวิชายุทธอะไรกัน
ดูเหมือนจะแข็งแกร่งมาก
จอมมารหันไปมองเยี่ยจิ่งหานและถามเขาด้วยสายตาว่านี่คือวิทยายุทธอะไร พี่หญิงที่อายุยังน้อยจะมีวิชายุทธที่ชั่วร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร
เยี่ยจิ่งหานส่ายหน้า
เขาเองก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาแปลกใจได้เสมอ
ใบหน้าของสีชิ่นสงบนิ่ง ดูเหมือนนางจะไม่มีความคิดเห็นใดต่อการเคลื่อนไหวนี้
ไป๋จิ่นตกตะลึง
นี่คือวิชาต้องห้ามของเผ่าน้ำแข็ง กู้ชูหน่วนใช้วิชาต้องห้ามของเผ่าน้ำแข็งของพวกนางได้อย่างไร
ตูม!
ฟ้าร้องครืนคราน ท้องฟ้าที่เคยแจ่มใสถูกเมฆดำปกคลุมอย่างฉับพลัน พลังวิญญาณของเผ่าเพลิงฟ้าพุ่งมาบรรจบที่กู้ชูหน่วนและผสานรวมกันในดาบของนาง
แววตาของซ่งอวี้เคร่งขรึม พลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ที่อยู่ในระดับสองจะสร้างขึ้นมาได้ พลังเช่นนี้ อย่างน้อยๆ คนใช้ก็ต้องอยู่ในระดับที่สี่
ซ่งอวี้ไม่กล้ามองข้ามเมื่อเห็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งนั้น จากนั้นจึงใช้พละกำลังเจ็ดในสิบในการต่อสู้
พลังของทั้งสองปะทะเข้าหากันจนเกิดแสงสีขาวประกายวาบ
กู้ชูหน่วนถูกพัดปลิวไปอีกครั้งอย่างไม่น่าแปลกใจ ร่างกายของนางหาทางลงมาไม่ได้เหมือนว่าวที่เชือกขาด
ทว่าดาบของซ่งอวี้ไม่รู้ว่าหลุดออกจากฝักตั้งแต่เมื่อใด ใบหน้าของเขาซีดเผือด
ดาบของซ่งอวี้หลุดจากฝักแล้ว ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้แพ้ในการประลองรอบนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ อ่านถึง 1174 แล้วรอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...