หลิ่วเย่ว์กับอวี๋ฮุยมองหน้ากัน
วันนี้ลูกพี่เป็นลมบ้าหมูหรืออย่างไร เหตุใดจึงเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคุณชายอี้
อาจารย์สวีโกรธจนยั้งตัวเองไว้ไม่อยู่ “ตักน้ำรดหัวตอชัดๆ สั่งสอนไปก็ไร้ประโยชน์ ท่านอาจารย์ซั่งกวน ท่านดูคุณหนูสาม... ถ้าคนผู้นี้ยังอยู่ในสำนักศึกษา ชื่อเสียงที่สั่งสมมาเป็นร้อยปีของสำนักศึกษาจะไม่ถูกนางทำลายจนป่นปี้หรอกหรือ ไม่ได้การ หลังจากการชุมนุมแข่งขันวิชาการสิ้นสุดลง ข้าจะต้องขอให้หัวหน้าสำนักศึกษาไปกราบบังคมทูลต่อฝ่าบาท ขอให้เชิญคุณหนูสามตระกูลกู้ออกไปจากสำนักศึกษาเสีย”
“แล้วถ้านางชนะขึ้นมาจริงๆ ล่ะ”
“นางน่ะหรือชนะ หัวขี้เลื่อยอย่างนางน่ะนะ”
อาจารย์สวีเอ่ยอย่างดูถูก
เขาสอนหนังสือมาทั้งชีวิต แต่ไม่เคยเจอนักเรียนคนไหนเหลวแหลกขนาดนี้
เจ๋ออ๋องยิ่งรู้สึกดูแคลนมากขึ้นกว่าเดิม ในขณะที่มือยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุดและวาดภาพต่อไป
ทุกคนคิดว่าอี้เฉินเฟยคงจะโกรธ ไม่คิดว่าเขาจะหัวเราะขึ้นมาอย่างเรียบเรื่อย “คุณหนูสามสนใจข้าน้อยอี้เช่นนี้ นับเป็นเกียรติของข้าน้อยเป็นอย่างมาก ในเมื่อคุณหนูสามต้องการเดิมพัน เช่นนั้นเราจะตอบรับคำท้านี้”
“คุณชายอี้...” ผู้มีความสามารถทั้งสองคนจากรัฐจ้าว ฉังเจินและฉังผิงต่างตกใจ
ถ้าแพ้ขึ้นมาล่ะ พวกเขาจะอธิบายกับคุณชายอี้อย่างไร
“ไม่เห็นเป็นไร พวกท่านแข่งขันกันตามปกติเถิด แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดาในการทำสงคราม ถึงจะแพ้ก็ไม่เป็นไร”
อี้เฉินเฟยจะอารมณ์ดีเกินไปแล้วหรือเปล่า
เขาทนกับคำพูดเช่นนี้ได้ด้วยหรือ
นอกจากนี้... เขาไม่กลัวว่าเทพแห่งสงครามจะมาคิดบัญชีเขาภายหลังงั้นหรือ
อย่างไรเสียนางก็เป็นคู่หมั้นของเทพแห่งสงครามนะ
ใต้เท้าอู๋เอ่ยเยาะๆ ว่า “อัครเสนาบดีกู้ บุตรสาวของท่านช่างกล้าเสียจริงที่คิดเช่นนี้ แม้แต่คุณชายอี้นางยังกล้าเข้าไปยุ่มย่าม”
“ข้าบอกไปแล้วว่าข้าตัดขาดความสัมพันธ์กับนางจนสิ้นแล้ว นางไม่ใช่ลูกสาวของข้าอีกต่อไป”
“พวกท่านตัดขาดความเป็นพ่อลูกกันก็จริง แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีสายเลือดเดียวกันมิใช่หรือ ฮ่าๆๆๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์