กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 622

หลังจากกู้ชูหน่วนและแม่ทัพใหญ่เซี่ยวได้พูดคุยกันอย่างลับๆ เป็นเวลานาน ทั้งสองก็ขี่ม้าออกไปอย่างรวดเร็ว

คนในจวนแม่ทัพต่างอ้าปากค้างและดวงตาเบิกกว้าง ต่อให้กองกำลังของศัตรูบุกเข้ามายังเมืองหลวง พวกเขาก็ไม่เคยเห็นแม่ทัพใหญ่รีบร้อนใจเช่นนี้มาก่อน และที่สำคัญก็คือ แม่ทัพใหญ่ไม่เคยชอบพอพระชายาหานเลย แต่กลับออกไปพร้อมกับพระชายาหานโดยลำพัง

ในมุมที่แอบซ่อนอยู่ในจวนแม่ทัพ เซี่ยวอวี่เซวียนมองแผ่นหลังที่จากไปของพวกเขา ในแววตาของเขามีความคิดบางอย่างและพัดในมือก็สะบัดเองโดยไม่รู้ตัว ราวกับไม่เข้าใจว่าพวกเขาทั้งสองมีความลับอะไรซึ่งกันและกัน

เป็นเวลานาน เขาก็หัวเราะกับตัวเอง

ต่อให้แม่สาวอัปลักษณ์มีความลับอะไรกับพ่อของเขา เช่นนั้นแม่สาวอัปลักษณ์คงไม่มีทางคิดทำร้ายพ่อของเขาอย่างแน่นอน

รอยเท้าของเซี่ยวอวี่เซวียนนั้นเบาราวกับแมลงปอในน้ำและหายไปในพริบตา

วิธีการก้าวเท้าที่รวดเร็วเช่นนี้ หากคนในจวนแม่ทัพเห็นเข้าจะต้องร้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เพราะคุณชายน้อยของพวกเขานั้นเป็นเพียงคุณชายไม่เอาไหนเสเพลคนหนึ่ง ที่ไม่โดดเด่นทั้งเรื่องวิชาการและการต่อสู้แม้แต่นิดเดียว และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีวิชาตัวเบาที่เก่งกาจยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้

กู้ชูหน่วนพาแม่ทัพใหญ่เซี่ยวมาถึงยังหมู่บ้านรกร้างและทุรกันดารแห่งหนึ่งและหยุดลง

ดวงตาอันเด็ดเดี่ยวเหมือนกับนกอินทรีของแม่ทัพใหญ่เซี่ยวสังเกตไปยังบริเวณโดยรอบ ราวกับว่าสังเกตว่าที่นี่จะมีการซุ่มโจมตีหรือไม่

แม่ทัพใหญ่เซี่ยวกล่าวว่า "เดิมทีที่นี่เคยเป็นหมู่บ้านอู๋ฮวา ห้าสิบกว่าปีก่อนในหมู่บ้านเคยเกิดโรคระบาดขึ้น ทำให้คนในหมู่บ้านต้องจบชีวิตลงทั้งหมด เพราะเป็นสถานที่ห่างไกลทุรกันดาร ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ จากนั้นจึงค่อยๆ กลายเป็นหมู่บ้านรกร้างไปในที่สุด"

"ดูเหมือนว่าท่านแม่ทัพใหญ่จะคุ้นเคยกับที่นี่อย่างมาก?"

"ไม่นับว่าคุ้นเคยเท่าไรนัก ข้าเคยมาที่นี่หลายครั้งตอนเด็กๆ ที่นี่อยู่ในตำแหน่งที่ราบสูง มีป่ารกทึบ ง่ายต่อการปกป้องและยากในการจู่โจม และมีแมลงมีพิษจำนวนมาก หากทำเป็นป้อมปราการฐานที่มั่นละก็ นับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย"

เขามองไปยังกู้ชูหน่วน ราวกับมองดูท่าทางของนางในลำดับถัดไป

นิกายเทพอสูรที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น ต่อให้ฐานที่มั่นของที่นี่จะดีมากมายเพียงใด นิกายเทพอสูรก็ไม่มีทางอยู่ที่นี่ได้

กู้ชูหน่วนยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม ทันทีที่นางผิวปากก็มีคนชุดดำปกปิดใบหน้าปรากฏตัวตรงหน้าของพวกเขา

"ข้าน้อยคารวะท่านผู้นำ"

"พาข้าไปยังป้อมปราการหลัก"

"ขอรับ"

เมื่อคนชุดดำขยับพริบตาเดียวก็หายไป

กู้ชูหน่วนพูดอย่างนอบน้อม "ท่านแม่ทัพใหญ่เชิญเจ้าค่ะ"

เมื่อพูดจบ นางก็เดินนำทางและเดินเคียงข้างแม่ทัพใหญ่ไปยังนิกายเทพอสูรพร้อมกับคนชุดดำ

วิธีการเดินของคนชุดดำนั้นแปลกประหลาดมาก กลับพาพวกเขาเดินอ้อมไปมาอยู่ภายในหมู่บ้านรกร้าง จากนั้นในที่สุดก็เดินเข้าไปยังเขตอาคม

ตอนที่เดินอ้อมอยู่ในหมู่บ้านนั้น แม่ทัพใหญ่เซี่ยวก็ตื่นตัวและรู้ได้

ว่านั่นคือวิธีการเดินของเผ่าหยกไม่มีผิดและทางที่เดินอ้อมนั้นสำเร็จขึ้นจากการฝึกซ้อมจากองค์ประกอบทั้งห้า

และเขตอาคมนี้ คนปกติไม่สามารถทำขึ้นมาได้

หลังจากเข้ามายังเขตอาคม ภายในนั้นราวกับสรวงสวรรค์ ดินแดนแห่งความฝัน

ดินแดนแห่งนี้มีปราสาทขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ที่นี่มีการตรวจสอบที่เข้มงวดมาก ทุกห้าก้าวจะมีคนเฝ้าเวรยามคนหนึ่ง และทุกสิบก้าวจะมีองครักษ์ชุดดำคนหนึ่ง และทุกๆ แห่งจะมีลูกศิษย์ของนิกายเทพอสูรคอยเฝ้าเวรยามอยู่

เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนเข้า ทุกคนต่างพากันคุกเข่าและตะโกน "ยินดีต้อนรับท่านผู้นำกลับมา"

เสียงร้องตะโกนออกมานั้นดังกึกก้องไปทั่วดินแดงสรวงสวรรค์แห่งนี้ แม้แต่ในหุบเขาก็มีเสียงสะท้อนกลับมา

แม่ทัพใหญ่เซี่ยวมองไปยังกู้ชูหน่วนที่ทำสีหน้าเรียบเฉยด้วยความตกใจ

นาง......

หรือนางจะเป็นหัวหน้าเผ่าหยกและผู้นำของนิกายเทพอสูรจริง?

ลูกสาวของพระสนมอวี้ไม่ใช่กู้ชูอวิ๋นหรอกหรือ?

เหตุใดถึงกลายเป็นกู้ชูหน่วนไปได้?

ท่ามกลางความตกใจนั้น แม่ทัพใหญ่เซี่ยวก็เดินตามกู้ชูหน่วนมาถึงยังป้อมปราการหลัก คนของนิกายเทพอสูรตั้งแต่ระดับสูงตั้งแต่ประมุขไปจนถึงปรมาจารย์ และรวมไปถึงลูกศิษย์ต่างแยกเป็นสองฝั่ง และสีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข พวกเขาคุกเข่าลงด้วยความเคารพศรัทธา

"ข้าน้อยคารวะท่านผู้นำ ยินดีต้อนรับท่านผู้นำกลับมา"

"ลุกขึ้นเถอะ"

"ขอบคุณท่านผู้นำ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์