กู้ชูหน่วนสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแม่ทัพใหญ่เซี่ยว และยังสงสัยอีกว่าเหตุใดเขาจึงมีปฏิกิริยารุนแรงนักเมื่อพบหน้าผู้อาวุโสหก
มีเสียงดังปึง!
กู้ชูหน่วนเปิดประตูห้อง ทันใดนั้นฮวาฉี่หลัวก็โผล่หน้าออกมา ดวงตาของนางเป็นประกายเมื่อเห็นกู้ชูหน่วน นางขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีกและเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อว่า “ท่านพี่... ท่านพี่หน่วน เป็นท่านจริงๆ หรือ ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่”
กู้ชูหน่วนซวนเซเมื่อฮวาฉี่หลัวโผเข้าใส่
สาวน้อยผู้นี้ยังเด็กทว่ามีเรี่ยวแรงมหาศาล การโผเข้าใส่ครั้งนี้แทบจะทำให้นางทรงตัวไม่อยู่
“ท่านพี่หน่วน ท่านไปอยู่ไหนมา ข้าคิดถึงท่านแทบตาย ข้าหาท่านอยู่เป็นนานแต่ว่าหาไม่เจอ ทั้งยังถูกผู้เฒ่าคนนี้ลักพาตัวมาที่นิกายเทพอสูรอีก”
กู้ชูหน่วนลูบผมที่นุ่มลื่นของนางและยิ้มให้ “เจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่หน่วนเสียคุ้นเคยเชียว ข้าจำได้นะว่าครั้งแรกที่เจ้าเจอข้า เจ้าอยากจะฆ่าข้าให้ได้”
“ตอนนั้นข้าไม่รู้ตัวตนของท่านนี่นา แล้ววรยุทธของท่านก็แย่ลงมาก ข้าจะจำท่านได้อย่างไร”
ฮวาฉี่หลัวคลอเคลียอยู่ข้างกายอย่างไม่เกรงใจ ทำเหมือนที่เคยทำตอนยังเด็ก
“เด็กดี พี่มีเรื่องต้องคุยกับผู้อาวุโสหก เจ้ากับเสี่ยวลู่ออกไปก่อนนะ”
ฮวาฉี่หลัวยังอยากจะออดอ้อน แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ตึงเครียดของกู้ชูหน่วน นางจึงแลบลิ้นอย่างอดไม่ได้และออกไปพร้อมกับเสี่ยวลู่
ผู้อาวุโสหกเมาจนสติเลอะเลือน เขายืนโงนเงนไปมาและแสยะยิ้ม
“อาหน่วน ท่านคืออาหน่วน ท่านมาเพื่อดื่มสุรากับข้าใช่หรือไม่ มาๆ เรามาดื่มกัน ดื่มสุราของนิกายเทพอสูรให้หมด ดูสิว่าพวกนั้นยังจะกล้าอีกหรือไม่”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ผู้อาวุโสหก ท่านจำข้าได้หรือไม่”
สายตาของผู้อาวุโสหกพร่าเลือน เขามองแม่ทัพใหญ่เซี่ยวไม่ชัดนัก มองอยู่นานก็ยังนึกไม่ออก
“ข้าเอง เสี่ยวเซี่ยว แม่ทัพน้อยแห่งรัฐเยี่ยผู้นั้นไง”
“อ้อ... ก็ว่าคุ้นๆ อยู่ เพื่อนของอวี้เอ๋อร์นี่เอง อวี้เอ๋อร์เคยสรรเสริญความดีของเจ้าให้ข้าฟังอยู่บ่อยๆ”
น้ำตาของแม่ทัพใหญ่เซี่ยวไหลรินราวกับไข่มุกที่ร่วงหล่น เขาร่ำไห้จนแผงอกกระเพื่อมเหมือนคนที่กำลังตื่นเต้นและสะเทือนใจมาก
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวในตอนนี้ไร้ซึ่งความน่าเกรงขามและความเคร่งขรึมอย่างที่เคยมี เขาดูเหมือนเด็กแก่ๆ ที่กำลังรู้สึกผิดอย่างสุดหัวใจ
“ข้าขอโทษ เป็นเพราะข้าไม่ปกป้องพระสนมอวี้ให้ดี พระองค์จึง... ข้าขอโทษ...”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวคุกเข่าลงเสียงดังปึ้งและคุกเข่าอยู่อย่างนั้น
กู้ชูหน่วนรีบประคองเขาให้ลุกขึ้น “ท่านแม่ทัพใหญ่อย่าทำเช่นนี้เลย ท่านทำเช่นนี้มีแต่จะทำให้เขากับข้าลำบากใจ”
“ท่านไม่รู้ ตอนนั้น... ตอนนั้นเรื่องทุกอย่างเป็นเพราะข้า ถ้าไม่ใช่เพราะข้า พระสนมอวี้คงไม่ต้องตาย”
“พระสนมอวี้คือใครหรือ”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวชะงักไปนิดหนึ่งและเริ่มระงับน้ำตาไว้ได้
“ท่าน... ท่านไม่รู้เรื่องพระสนมอวี้หรือ ท่านไม่ใช่หัวหน้าเผ่าหยกหรอกหรือ”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวหันไปมองผู้อาวุโสหกเป็นเชิงถาม
ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสหกยังเมาหรือว่าได้สติแล้ว เขาพูดอย่างรำคาญว่า “นอกจากอาหน่วน จะมีใครอีกที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าเผ่าหยกของเรา เรื่องของอวี้เอ๋อร์ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ใครจะไปจำได้ ข้าบอกตาเฒ่าอย่างเจ้าแล้วไง ถ้าเจ้าจะมาดื่มกับข้า ข้ายินดี แต่ถ้ามาเพื่อร้องไห้ไว้ทุกข์ก็รีบๆ ไปให้พ้นหน้าข้าซะ ข้ายังไม่ตาย”
ว่าแล้วผู้อาวุโสหกก็ขับไล่แม่ทัพใหญ่เซี่ยวทันทีโดยที่ไม่รอให้เขาโต้ตอบ
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วและตามออกไป
นางปลอบโยนว่า “ท่านผู้อาวุโสหกติดสุรามาก พูดอะไรแต่ละอย่างถือสาหาความไม่ได้หรอก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดอะไร ไว้เขาสร่างเมาเมื่อไหร่ก็ดีเอง ท่านอย่าใส่ใจเลย”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวยิ้มอย่างขมขื่น
เขารู้ดีกว่าใครๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...