คำพูดของฮวาฉี่หลัวได้พัดพาความมืดมนที่ปิดผนึกของแม่ทัพใหญ่เซี่ยวเป็นเวลาหลายปีออกไป
เขามองดูท้องฟ้าสีครามพร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าจากนั้นก็ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ใช่สิ ผ่านมาสิบกว่าปีแล้วจะเอ่ยไปใย ผู้ที่ตายไปแล้วไม่มีวันหวนกลับมาควรหวนแหนขณะนี้จะเป็นการดีกว่า”
“ก็ใช่หน่ะสิ ท่านพี่หน่วนท่านไม่ได้กลับเผ่าน้ำแข็งมานานเท่าใดแล้ว หรือไม่พวกเราก็กลับเผ่าน้ำแข็งตอนนี้เลย”
ฮวาฉี่หลัวยิ้มอย่างไร้เดียงสาไร้พิษสง ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายแจ่มชัดเสียจนไร้ซึ่งร่องรอยมลทินแม้แต่น้อย
กู้ชูหน่วนจู่ๆก็อิจฉาการไร้ซึ่งความกังวลและไร้พิษภัยของนาง
“รอให้ข้าจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยแล้วข้าค่อยไปยังเผ่าน้ำแข็ง”
“เช่นนั้นท่านจัดการเรื่องราวเรียบร้อยต้องใช้เวลานานเท่าใด?”
ลมหายใจแห่งความเศร้าโศกในอากาศมากขึ้นบางส่วนแล้วกู้ชูหน่วนก็ฝืนยิ้มขึ้น "น่าจะเร็วๆนี้"
“น่าจะเร็วคือเร็วเพียงใด ท่านพี่หน่วนหากท่านกลับไปพี่น้องที่เผ่าน้ำแข็งจะต้องมีความสุขมากเป็นแน่ หากว่าข้าพาท่านกลับมาพวกนางก็จะต้องยกย่องว่าข้าเก่งกาจมีความสามารถ”
“ท่านพี่หน่วนท่านว่าพวกเราต้องแจ้งพวกนางล่วงหน้าสักคำหรือว่าทำให้พวกนางกระทำสิ่งใดไม่ถูกจนพวกนางตกใจเจียนตาย”
ตลอดทางมีแต่เสียงเจี๊ยวจ๊าวของฮวาฉี่หลัว
บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มซึ่งตั้งหน้าตั้งตารอภาพของการกลับเผ่า
แม้ว่าแม่ทัพใหญ่เซี่ยวจะไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าแต่ในใจก็รู้สึกขื่นขม อาลัยอาวรณ์บุตรชายหญิงทั้งหลายและต้องการที่จะปลดคำสาปโลหิตของเผ่าหยกโดยเร็ว
ในใจของกู้ชูหน่วนนั้นหนักอึ้งยิ่งนัก
ไม่ว่าทักษะทางการแพทย์ของนางจะสูงส่งเพียงใดนางกไม่สามารถเปลี่ยนหัวใจของแม่ทัพเซี่ยวได้ เนื่องจากหัวใจของแม่ทัพเซี่ยวนั้นเน่าเปื่อยอย่างสมบูรณ์ไปตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว หัวใจในตอนนี้เป็นเพียงการกลั่นออกมาของไข่มุกมังการลูกที่เจ็ดเพื่อทดแทนการเต้นของหัวใจเดิมของเขาก็เท่านั้น
ย้อนเวลาไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วนางอาจจะยังมีพลังยุทธ์
ทว่าในตอนนี้......
ตลอดทางเดินคุยกันไปซึ่งไม่นานนักพวกเขาก็ถึงยังในเมือง
ตรงหน้าได้พบกับเซี่ยวอวี่เซวียน
เซี่ยวอวี่เซวียนถือพัดเล่มหนึ่งและโบกมือให้กับพวกเขาจากระยะไกลไม่หยุด
“ท่านพ่อ แม่สาวอัปลักษณ์ พวกท่านไปที่ใดกันมา ข้าตามหาพวกท่านตั้งนานก็หาไม่พบ”
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าบอกให้เจ้าปิดประตูสำนึกผิดไม่ใช่หรือ? เจ้าออกมาได้อย่างไร?”
เซี่ยวอวี่เซวียนไร้ซึ่งความยินดีเมื่อครู่นี้และบ่นด้วยความคับข้องใจอย่างรู้สึกไม่ยุติธรรมอยู่บ้าง "ข้ากลัวว่าพวกท่านจะตกอยู่ในอันตรายดังนั้นจึงได้แอบหนีออกมาหาพวกท่านไง"
เขากระพริบตาอันน่าสงสารและออดอ้อนต่อแม่ทัพใหญ่ว่า "ท่านพ่อ ลูกก็เป็นห่วงท่านพ่อหน่ะสิ ลูกสาบานว่าต่อไปท่านให้ข้าปิดประตูสำนึกผิดข้าจะคิดทบทวนตนเองให้ดีเป็นแน่และจะไม่หนีออกมาอีกแล้ว ท่านก็ยกโทษให้ข้าสักครั้งเถอะนะ"
แม่ทัพใหญ่เซี่ยวยกมือขึ้นเพื่อต้องการปัดผมที่ถูกลมพัดให้ตรง เซี่ยวอวี่เซวียนรีบบังศีรษะอย่างรวดเร็วพร้อมซ่อนตัวไปทางด้านหนึ่งและกล่าวอย่างร้อนรน
“ท่านพ่อ ข้าเป็นห่วงท่านพ่อจริงๆนะ แม่สาวอัปลักษณ์กระทำสิ่งใดก็เกินเลย ข้ากลัวว่านางจะทำเรื่องราวเกินเลยอันใดต่อท่านข้าจึงได้แอบหนีออกมา”
ในใจของแม่ทัพใหญ่เซี่ยวและกู้ชูหน่วนเข้าใจดี
เขาไม่ได้เป็นกังวลต่อแม่ทัพใหญ่เซี่ยวเขาเป็นกังวลต่อกู้ชูหน่วน
เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของเขาแม่ทัพใหญ่เซี่ยวก็อดรู้สึกขื่นขมใจไม่ได้
หลายปีที่ผ่านมานี้เขานั้นเข้มงวดกับเขาเกินไปใช่ไหม
ดังนั้นบุตรชายของเขาถึงได้เกรงกลัวเขาถึงเพียงนี้
“เจ้าถึงจะกระทำเกินเลย ภายหน้าเรียนรู้กับพระชายาหานให้มากๆและใกล้ชิดกับนางให้มากขึ้นด้วย”
“อะไร......อะไรนะ......ท่านพ่อ ท่านกล่าวผิดหรือเปล่า เมื่อก่อนท่านเกลียดชังนางที่สุดไม่ใช่หรือ?”
"มีหรือ?"
“ไม่......ไม่มี ท่านเป็นคนกล่าวเองนะ งั้นต่อไปข้าจะต้องใกล้ชิดนางให้มากขึ้นหน่อย ท่านอย่าได้สนอกสนใจข้าอีกนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...